พบกันอีกครั้งกับบทสัมภาษณ์พิเศษของเหล่าศิลปินไอดอลในวงการ หลายคนที่เป็นแฟนคลับวงการเพลง T-Pop คงจะเคยคุ้นหูกับ ONE DAY TO THE NEXT PROJECT กลุ่มศิลปินไอดอลจากค่าย Groovinman Mook Kidcat Mai ที่ได้ออกซิงเกิ้ลกับทางค่ายมาแล้ว และตอนนี้ก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ซ่อนแอบ

ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทาง Groovinman เอาบทสัมภาษณ์จากน้องๆ ทั้งสามคนเกี่ยวกับเรื่องซ่อนแอบมาให้ทุกคนได้อ่านกัน และรู้จักกับน้องๆ ทั้ง 3 คนมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลย!

ใครเคยเล่นซ่อนแอบบ้างยกมือขึ้น

คิตแคต : เคยค่า ยกมือ

มุก : เคยค่ะ ๆ ยกมือ

ไหม : ไหมๆๆๆ เคยค่า ยกมือ

เวลาเล่นซ่อนแอบมุกคิตแคตไหมชอบ เป็นตำแหน่งอะไรกัน

คิตแคต : ชอบเป็นคนหาค่ะ แอบไม่ค่อยทันกับเขาซะที แถมชอบหลุดขำด้วย

มุก : มุกต้องดูสถานที่ก่อนแหละ แบบว่าถ้าที่ซ่อนน่าสนใจก็จะอยากเป็นคนซ่อน แต่ถ้าที่ซ่อนมันมีน้อยก็จะอยากหา หัวเราะ

ไหม : ชอบเป็นคนแอบค่ะ5555 เพราะขี้เกียจเดินหา แต่ถ้ามีที่น้อยก็เหมือนมุกเลยค่ะ หาดีกว่า555 รับบทเป็นสายอยากเล่นแต่ขี้เกียจเล่น เอ๊ะ งง ข้ามมันไปเถอะค่ะ

เล่าวีรกรรมที่ต้องซ่อนแอบสมัยเรียนให้ฟังหน่อย

คิตแคต : สมัยมัธยมแคตชอบแอบเอาขนมใส่ไว้ในเก๊ะของโต๊ะเรียนค่ะ แล้วก็จะแกล้งลงไปหยิบของ จังหวะตอนที่ก้มลงไปก็เอาขนมใส่ปากกินไปด้วยเลย อร่อยและตื่นเต้นมากค่ะ

มุก : เค้าก็เคยแอบกินนน แต่ส่วนมุกจะชอบแอบส่องมากกว่า มุกแอบส่องไปทั่วเลย ตอนเรียนอยู่ก็แอบส่องแอบมองว่าใครจะเดินผ่านหน้าประตูบ้าง ด้วยความที่ห้องเรียนมุกเนี่ยจะไม่ใช่ทางผ่านที่ปกติต้องผ่านกัน เพราะงั้นถ้าเดินผ่านแล้วไม่ใช่คุณครูหรือเพื่อนข้างห้องนี่แปลว่าคนนั้นก็ต้องแกล้งเดินผ่านแล้วแอบมาส่องใครสักคนแน่นอน!

ไหม : แอบกินขนมกับแอบโดดเรียนนี่บ่อยมากค่ะ 5555 ไหมมีเทคนิคการกินคล้ายๆคิตแคตเลย ไหมจะฉีกในเก๊ะ ละค่อยๆเอาเข้าปากใต้โต๊ะ555 คิดแล้วก็คิดถึงเลย ส่วนแอบโดดเรียนก็บ่อยเพราะเราเป็นนักแสดงโรงเรียน เวลาแอบโดดแล้วหายไปจากห้องครูก็จะไม่สงสัย อิอิ

นิสัยที่แปลกประหลาดที่สุดของตัวเองที่ต้องแอบเอาไว้คืออะไร

คิตแคต : บางทีก็ชอบหลุดส่งเสียงแมวมั้งคะ5555 ตั้งแต่เด็กคุณแม่แคตชอบส่งเสียงแมวเวลาเรียกแคตแล้วแคตก็จะเมี้ยวกลับ แคตก็เลยเหมือนจะติดมาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ

มุก : นิสัยที่มองว่าจระเข้น่ารักนี่แปลกมั้ยคะ แบบว่ามุกหลงรักจระเข้มาก ๆ ชอบนั่งมองมาก ๆ เลยแหละ อยากจะเข้าไปกอดแต่ก็กลัวน้องกัด แต่ว่าชอบจระเข้มาก ๆ เลยค่ะ อันนี้แปลกมั้ยง่า

ไหม : เราชอบกินเนื้อจระเข้อะมุก หยอกหยอก5555 เห็นมุกชอบกินซะเลย ของไหมที่รู้สึกว่าแปลกคือเวลาเดินเข้าห้องน้ำห้ามมีอาหารในปากหรือในมือเด็ดขาด  แม้จะเข้าไปล้างมือ555  ก็ต้องเขี้ยวให้หมดไม่ก็ยื่นหน้าหรือยื่นอาหารออกไปนอกห้องน้ำ55

เล่าเรื่องของกันและกันที่ทำให้แอบยิ้มให้ฟังหน่อย

คิตแคต : แคตยังรู้สึกประทับใจมากที่วันนั้นพี่ไหมแบ่งขนมให้แคตกิน ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

มุก : แหม คิตแคตอ่า ของกินอีกแล้ว หัวเราะ ของมุกจะเป็นเวลาเจอทั้งสองคน แบบว่าความน่ารักของทั้งสองคนทำให้แอบยิ้มตลอดเยย อิอิ

ไหม : แบ่งขนมให้ไม่กี่ครั้ง แคตจะจำเราจนวันตายค่ะทุกคน5555 เอาจริง ๆ ไหมแค่เจอหน้าสองคนนี้ก็แอบยิ้ม ปนจะขำแบบบอกไม่ถูกแล้วค่ะ55555

ถ้าให้เลือกระหว่าง “บอกชอบ กับ แอบเอาไว้” มุก คิตแคต ไหม จะเลือกอะไร

คิตแคต : เริ่มแรกต้องแอบเอาไว้ก่อนค่ะ แล้วเราก็เนียนไปเรื่อยๆ

มุก : หูยย ต่างจากมุกเลย ของมุกนะ ถ้าเจอคนที่รู้สึกชอบแบบชอบจริง ๆ จะบอกไปตรง ๆ เลยแหละ เลือกบอกไปก่อนดีกว่า ไม่ค่อยชอบซ่อนความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่เลย แง

ไหม : ฮั่นแน่~~~ ขอแซวมุกหน่อย ไหมน่าจะแอบชอบไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีค่ะ ว่าชอบจนอยากบอกมั้ย555 บอกเลยได้มั้ยว่าฉันคิดกับเธออย่างไร ขายเพลงต่อเลยค่าา

1 ใน มุก คิตแคต ไหม เคยแอบชอบ อีก 1 คนในวงจนต้องบอกชอบออกไป
( คนนั้นคือใครแล้วแอบชอบใครกันนะ? เล่าให้ฟังหน่อย )

มุก : มุกเองค่า ก็ตอนนั้นมุกตามวงพี่ไหมอยู่ง่ะ ก็เลยทักไปด้วย กล้าสุด ๆ งงตัวเองมากกกก โอ้ย พูดแล้วเขิน หัวเราะ

ไหม : พรหมลิขิตปะหละ!!

บอกความในใจให้กับคนอ่านหน่อย ( พูดไรก็ได้ ฝากผลงาน)

คิตแคต : ตอนนี้ MV เพลงใหม่ของพวกเรา ‘ซ่อนแอบ’ ก็ออกมาแล้วนะคะ~

มุก : คนที่อ่านมาถึงตรงนี้แปลว่าต้องมีใจให้พวกเราแล้วแหละเนอะ ฮี่ฮี่ ยังไงก็ฝากเพลง ‘ซ่อนแอบ’ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยน้าา~

ไหม : อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ คอมเม้นมาพูดคุยกัน แล้วก็เป็นกำลังให้พวกเรา มุกคิตแคตไหมด้วยน้าาาคะ  บ๊ายๆๆ

สำหรับ Mook Kidcat Mai ถือเป็นทรีโอยูนิตแรกใน One day to the next Project ของค่าย  Groovinman ประกอบไปด้วย 3 สมาชิก ได้แก่ มุก-ภคมณฑ์ ราชขันธ์ , คิตแคต-วรรษมณฑ์ พงษ์วานิช และ ไหม-ณฤทัย ตันสุขเกษม เดบิวต์ในเพลง ไอชิเตรุ (รึเปล่า) เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเพลงใหม่ล่าสุด ที่จะมาตกหัวใจทุกคนอีกครั้งในเพลง ซ่อนแอบ (隠れる) รับชม MV ได้จากด้านล่างนี้เลย

กระหึ่ม!!!สมการรอคอยจริงๆ สำหรับงาน “Last Idol Debut Stage”  ที่จัดขึ้นโดยวง “ลาสต์ ไอดอล” ที่ ลาน พาร์ค พารากอน สยามพารากอน กับการประกาศเดบิวต์สเตจไอดอล 7 สาวที่มีประกายออร่าที่สุดจากรายการ “ลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์”  ในฐานะยูนิต “Protea” (โพรเทีย) ได้แก่ ต้นน้ำ-บัณฑิฏา,ม่านมุก-ชดาธาร,มีมี่-พิมพ์มาดา,รันม่า-แทนทยา,ซีโมน-ปุณณาสา,เก๋-พรรณิภา และ ไฮเวย์-ศิรประภา ที่ขึ้นโชว์บนเวทีในเพลง “Bandwagon” (แบนด์วากอน) แบบเต็มรูปแบบ

ก่อนจะถึงคิวของเด็กสาวอีก 19 ชีวิตที่ผ่านการแข่งขันในรายการนี้ภายใต้ Second Unit (ยูนิตรอง) จำนวน 4 ยูนิต ได้แก่ “EGAO” (เอกาโอะ),“Hoshizora Sisters” (โฮชิโซระ ซิสเตอร์ส) ,“Aozora To T-Shirt” (อาโอโซระ โตะ ที-เชิร์ต) และ  “Someday” (ซัมเดย์) ที่มาพร้อมชุดเซ็มบัตสึ ออนสเตจในเพลงของแต่ละยูนิตเป็นครั้งแรก เริ่มที่โชว์ของ EGAO ในเพลง “Namida no Kamen…หน้ากากน้ำตา” (นามิดะ โนะ คาเมน) ,ด้าน Hoshizora Sisters ที่ปรากฏตัวในชุดแอร์โฮสเตทสีพาสเทลสดใส พร้อมโชว์เพลง “Shitsuren Kanpai…ชนแก้วกันให้กับวันที่เสียใจ” (ชิซึเรน คัมไป) ขณะที่ 3 สาวตัวจิ๋วจาก“Aozora To T-Shirt” มาแจกความสดใสในเพลง “Souzoujyo no Fruits…ผลไม้ที่เหนือจินตนาการ” (โซวโซโจว โนะ  ฟรุต) และปิดท้ายกับโชว์ ร้องและเต้นอย่างพลิ้วไหวจาก Someday กับเพลง “Again & Again” (อะเกน แอนด์ อะเกน) โดยหลังจบโชว์ของแต่ละยูนิต สาว ๆ แต่ละคนร่ำไห้กล่าวขอบคุณแฟน ๆ ที่แท็กทีมมาร่วมให้กำลังใจพวกเธอจนล้นลานพาร์ค พารากอน

ต่อด้วยการประกาศกิจกรรม “Exclusive TRUE 5G SPECIAL UNIT ANOUCEMENT” อย่างเป็นทางการ  โดยคุณณัฏฐมณี เลขวนิชกุล รองผู้อำนวยการด้านแบรนด์และการสื่อสาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบดอกไม้แสดงความยินดีกับสาว ๆ Protea และ 5 สาวที่ได้รับผลโหวตสูงสุดจาก True  5G Special Unit  ได้แก่ สาวน้อย-พิชญ์สินี,ฟ้า-ชุติกาญจน์,ม่านมุก-ชดาธาร,ก้อย-กมลวรรณ และ หงษ์หยก ควรประดิษฐ์  

จากนั้นทีมงานก็เซอร์ไพร้ส์สาว ๆ Protea ด้วยการเปิดมิวสิควีดีโอ “Bandwagon” (แบนด์วากอน) ให้พวกเธอได้ชมร่วมกับแฟนเพลงทีแรกในโลก ขณะเดียวกันแฟน ๆ ก็พร้อมใจกันยิงมิกซ์สนั่นลานพาร์ค พารากอน ทำเอาสาว ๆ แต่ละคนดูไปปาดน้ำตาไปที่แฟนเพลงให้การต้อนรับพวกเธออย่างอบอุ่น

Meow Gallery: The gallery is empty.

ก่อนจะปิดท้ายด้วยโชว์สุดพิเศษในเพลง “Last Ai Yoroshiku” (ลาสต์ ไอ โยโรชิคุ) จาก 26 สาว “ลาสต์ ไอดอล”ท่ามกลางแฟนคลับที่มาให้กำลังใจกันเพียบ เรียกได้ว่าสาว ๆ ทั้ง 5 ยูนิต ภายใต้สังกัด “ลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์” ได้ประกาศการก้าวเข้ามาเป็นศิลปินไอดอลอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย

แฟน ๆ สามารถติดตามชมมิวสิควีดีโอ “Bandwagon” แบนด์วากอน ของ 7 สาว Protea ได้แล้ว

และติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเธอได้ทางเฟซบุ๊ค “Last Idol Thailand”

ฉลองควันหลงฮาโลวีนนี้ กับความฟินสุดใจเหล่าโอตะ ในบรรยากาสุดสนุกครึกครื้นที่กลับมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายกันไปงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดกับงานอีเวนท์ไอดอลในรูปแบบออฟไลน์ ณ ศูนย์การค้า ดองกี้ มอลล์ ทองหล่อ ศูนย์รวมสินค้าและบริการส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ขนความสนุกมาจัดเต็มกว่า 5 ชั่วโมงกับไอดอลแถวหน้าของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น Aliszt, AKIRA-KURO Hatobito และ Shining Stars ในงาน HALLOWEEN IDOL FEST! 2021

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ที่ไม่สามารถจัดงานได้ของอีเวนท์งานไอดอล ก็ไม่สามารถทำให้ความคิดถึงของเหล่าแฟนคลับได้ลดลงไปได้เลย  กับกิจกรรมภายในงาน HALLOWEEN IDOL FEST! 2021 นอกเหนือจากการขึ้นมาโชว์การแสดงสุดสนุกและสดใสของเหล่าไอดอลทั้ง 4 วงแล้วนั้น ยังมีกิจกรรมพบปะแฟนคลับ พูดคุย ถ่ายรูปโพลารอยด์กับเหล่าไอดอล(แบบใส่หน้ากากอนามัย) ในชุดธีมฮาโลวีนของเหล่าไอดอล ที่แต่ละวงขนความน่ารักมาไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นน้องเนเน่จากวง Aliszt ที่ได้คอสเพลย์อากิเรล่า จากซีรีย์คาเมนไรเดอร์รีไวซ์ การแต่งเป็น Pennywise ในธีมญีปุ่นของน้องเบธตี้จากวง AKIRA KURO และความน่ารักของแมวสาวจากน้องมะเหมี่ยววง ShiningStars และกิจกรรมแกะน้ำตาลจากซีรีย์สุดดัง Squid Game ของวง Hatobito ซึ่งต้องบอกเลยว่า แค่นี้ยังเป็นแค่ไฮไลต์เล็กๆน้อยของงานเท่านั้น บอกเลยว่าเป็นวันฉลองฮาโลวีนที่คึกครื้นที่เหล่าแฟนคลับไม่ได้สัมผัสมาอย่างยาวนาน วันนี้ขอนำภาพความสนุกมาฝาก…

และอีกหนึ่งของไฮไลต์ที่สำหรับคนที่ได้ไป ศูนย์การค้า ดองกี้ มอลล์ ทองหล่อ ห้ามพลาด กับคาเฟ่ไอดอลใหม่แกะกล่อง ที่จะเติมความฟินให้เหล่าแฟนคลับ ด้วยการบริการจากเหล่าไอดอล และเหล่าแคสสุดน่ารัก ที่พร้อมจากมาต้อนรับ และมอบมินิโชว์แบบถึงใจทุกท่านได้ที่ Siamdol Cafe ชั้น 3 ที่นอกจากอาหารจะตกแต่งน่ารักและอร่อยแล้ว บอกเลยว่าการบริการจะพาเหล่าแฟนคลับฮีลใจสุดๆ

และสำหรับเดือนพฤศจิกายนนี้ เตรียมตัวพบกันต่อกับอีเวนท์ต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนในวันที่ 21 พฤศจิกายยน 2564 ในธีมพิเศษวันลอยกระทงสุดโรแมนติกพร้อมกับแขกรับเชิญไอดอลสายน่ารัก การแสดงดี อย่าง Aliszt, Iwish, Peach You, Relive Sekai และการแสดง Pre-Debut ของวงไอดอลน้องใหม่อย่าง Sora! Sora ในงาน Loy Krathong IDOL FEST! 2021 พบกันที่ ลานกิจกรรมชั้น 4 ศูนย์การค้า ดองกี้ มอลล์ ทองหล่อ นี้ได้เลยเหล่าแฟนคลับไอดอลทุกท่าน

สามารถติดตามรายละเอียดข่าวสาร กิจกรรม ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ได้ที่ Facebook: DONKI MALL Thonglor

หมายเหตุ* ผู้เข้าร่วมงานได้รับบการตรวจประวัติการเข้าฉีดวัควีนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และได้รับการตรวจ ATK ก่อนเข้าบริเวณงาน และภายในมีการจัดตั้ง Barricade สำหรับผู้เข้าชมเพื่อรักษามาตรการณ์การเว้นระยะห่าง โดยผู้ที่เข้าร่วมบริเวณงานต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่เกิน 37.5 องศา

หลังจากที่เรียกว่าห่างหายไปกันนานมากๆๆๆ ที่เกิดจากผลกระทบการ Lock Down เมืองกรุงเทพฯ งานอีเว้นท์ต่างๆ ก็ต้องงด ไหนจะช่วงเวลาเคอฟิวที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง แน่นอนว่าเหล่าไอดอลทุกวงก็ย่อมได้รับผลกระทบในครั้งนี้กันถ้วนหน้า แต่หลังจาก เดือน พฤศจิกายน ก็ได้เริ่มมีการคลาย Lock Down และกลับมาเริ่มจัดงานได้บ้างแล้ว ทาง FITA หรือ Female Idol Trade Association สมาคมการค้าธุรกิจไอดอลหญิง ก็ได้จัดงานแรกเพื่อเปิดตัวสมาคมอย่างเป็นทางการ โดยการรวมไอดอลหญิงมากถึง 13 วง มาแสดงบนเวทีเดียวกัน และถ่ายทอดสดให้แฟนๆ ได้ชมกันฟรีๆ แบบจัดเต็มเลยทีเดียว ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

งานนี้มีวงไอดอลกรุ๊ปมาร่วมแสดงโชว์บนเวที แสง-สี-เสียง จัดเต็ม ถึง 13 วงด้วยกัน เริ่มด้วยวง MAYDAY ที่ขนเพลงมันส์ๆ มาทั้งเก่าและใหม่ให้ได้สนุกกันในสไตล์ของ MAYDAY

ต่อที่ไอดอลสายดุดันอีกวงอย่าง AKIRA-KURØ ที่ขนเพลงมาเล่นกันแบบจุใจ แถมยังเปิดตัวสมาชิกน้องใหม่ Bethy ที่ได้มาร่วมขึ้นเวทีเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ต่อกันด้วยวงที่สาม ShiningStars「シャイニングスターズ」ที่ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีสมาชิกรุ่นที่ 1 ได้จบการศึกษาไปหลายคน แต่ด้วยศักยภาพของสมาชิกรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาเติมเต็ม ทำให้การแสดงโชว์ก็ยังสร้างความสนุกให้กับแฟนๆ ได้เหมือนเดิมแน่นอน รวมถึงการเปิดตัว VTR เพลงใหม่เพลง Hurricane ให้ได้ฟังกันเป็นที่แรกอีกด้วย

วงที่ 4 กับ 6 สาววง Aliszt ที่ก็มีเพลงสนุกๆ มาโชว์กันให้แฟนๆ ได้ฟินกันอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นเพลงสนุกๆ อย่าง We Love Your Smile หรือเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Shiro Neko ก็เอามาแสดงแบบจัดเต็ม

อีกวงอย่าง Euphonie ที่ถึงจะมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ขนเพลงมาแสดงแบบจัดเต็ม จนหลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ วงนี้มีเพลงเยอะขนาดนี้แล้วเชียวหรือ? พร้อมกับการขึ้นแสดงครั้งแรกของสมาชิกใหม่ อย่าง ส้มส้ม สีม่วง อีกด้วย

โชว์เดี่ยวกับการเปลี่ยนลุคจากหนึ่งในไอดอลสาวสุดเท่แห่งวง FEVER มาเป็น BaifernChan โซโล่ไอดอลน้องใหม่จากค่าย Siamdol ที่นำเพลง Daydream Lady มาแสดงเป็นครั้งแรก

กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแบบเฉพาะกิจกับวง FEVER ในยูนิต Robben กับการแสดงสุดเท่ของสามสาว ป๊อป บอส และ ซู

ต่อกันด้วยสาวๆ จาก Hatobito ที่ขนเพลงใหม่อย่าง Open World และ Forget me not มาแสดงบนเวทีเป็นครั้งแรกอีกด้วย

และการเดบิ้วท์สเตจของสี่สาวน้องใหม่ วง KAIBUTSU ที่ขนเพลงมาให้ฟังกันแบบจัดเต็ม เรียกได้ว่า พร้อมจะตกแฟนคลับกันแล้ว

และวงไอดอล Sumomo ที่ขนเพลงเก่าและเพลงใหม่มาโชว์แบบสุดมันส์ ในชนิดที่ว่า รอที่จะได้ยิงมิกซ์หน้าเวทีไม่ไหวแล้ว!!

ต่อกันด้วยสาวๆ จากวง ASTER ที่ถึงจะมีสมาชิกหลายคนที่จบการศึกษาไปแล้ว แต่ก็ยังแสดงกันอย่างเต็มที่ทั้งเพลงออเดิร์ฟ, ร้ายนะคะ แต่รักหมดใจ และเพลงใหม่ล่าสุดจากยูนิตพิเศษ “กอดทิพย์” ที่จะมากอดหัวใจของผู้ชม

ต่อกันด้วยไอดอลวง DAISY DAISY ที่ได้แสดงโชว์เต็มรูปแบบพร้อมด้วยสมาชิกใหม่ จากเทรนนี ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นสมาชิกเต็มตัวอย่างสมศักดิ์ศรี และสมาชิกใหม่ของวงที่มากด้วยความสามารถอย่างมิวยูอีกด้วย

และปิดท้ายด้วยวงไอดอล SIAM DREAM ที่ได้ขนเพลงมาโชว์อย่างสุดมันส์ รวมไปถึงเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Wallflower อีกด้วย

สามารถย้อนดูการแสดง ‘FITA Till We Meet Stage Show 2021’ ได้ที่

นอกจากนี้แล้ว ยังสามาร Pre-Order FITA Till We Meet Stage Show 2021: Special Merch ได้จนถึง 30 พฤศจิกายนนี้เท่านั้นช่องทางการสั่งซื้อ https://form.jotform.com/213084103123439

ดูสินค้าได้ที่ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=123754356736976&id=110158641429881

และพิเศษสุดๆ กับ FITA Till We Meet Stage Show 2021 Photobook

รายละเอียด
– Photobook ขนาด 29.7×21 ซม.
– จำนวน 100 หน้า
– หน้าปก : กระดาษอาร์ต 260 แกรม (เคลือบ)
– ในเล่ม : กระดาษอาร์ตมัน 147 แกรม (พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม)
– ภายในสุ่ม 1 ข้อความขอบคุณและข้อความพิเศษจากเมมเบอร์ทุกวงที่ร่วมงาน (Digital Print)

สามารถ Pre-Order ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น
ช่องทางการสั่งซื้อ : https://form.jotform.com/213084103123439

พบกันอีกครั้งกับบทสัมภาษณ์พิเศษของเหล่าศิลปินไอดอลในวงการ หลายคนที่เป็นแฟนคลับวงการเพลง T-Pop คงจะเคยคุ้นหูกับ ONE DAY TO THE NEXT PROJECT กลุ่มศิลปินไอดอลจากค่าย Groovinman โดยน้องคิตแคต ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในศิลปินของค่าย และเป็นส่วนหนึ่งของยูนิต Mook Kidcat Mai

ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทาง Groovinman ที่ให้น้องคิตแคต (วรรษมณฑ์ พงษ์วานิช) หรือในชื่อ Kidcatmew ศิลปินไอดอลที่ถือได้ว่าเป็นไอดอลรุ่นบุกเบิกของวงการไอดอลไทยได้มาเผยความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับการเป็นศิลปินไอดอลในตอนนี้ ลองไปอ่านและทำความรู้จักน้องให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย

ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าน้องคิตแคตเคยอยู่วงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48 มาก่อน อะไรที่ทำให้ตัดสินใจออกจากวงในตอนนั้น

เหตุผลที่ออกจากวงในตอนนั้นคือเหตุผลด้านการเรียนค่ะ​ ซึ่งตอนนั้นแคตอยากจะเป็นคุณหมอ​ บวกกับการเดินทางระหว่างที่บ้าน​ โรงเรียน​ กับที่ฝึกซ้อมใช้เวลานานมาก​ ทำให้แคตรู้สึกว่าโฟกัสกับการเรียนไม่ได้เต็มที่ตามที่ตัวเองตั้งเป้าไว้

อะไรคือเหตุผล และแรงบันดาลใจให้น้องคิตแคตเลือกที่จะกลับมาเป็นศิลปินไอดอลอีกครั้ง

หลังจากเข้ามหาลัย​ แคตก็รู้สึกอยากจะกลับมาสานต่อความฝันเก่าค่ะ​ ถึงตอนนี้จะยังต้องตั้งใจเรียนอยู่แต่ก็ไม่ได้เรียนวันละ 8​ชม.​เท่าสมัยมัธยมแล้ว​ การเดินทางก็สะดวกขึ้นมาก​ ทำให้แคตสามารถแบ่งเวลามาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้อีกครั้ง​ และเราก็อยากจะมีผลงานให้แฟนๆและคนที่ติดตามได้เห็นให้เขาภูมิใจด้วย​

เป้าหมายหรือความใฝ่ฝันในอนาคตของน้องคิตแคตคืออะไร

ความฝันแคตในตอนนี้ก็คือการรักษาเกรดเรียนดีๆ​ ยื่นขอทุนเมื่อมีโอกาส​ เสริมสร้างทักษะของตัวเองให้จบมาแล้วได้ทำงานที่ตัวเองชอบ  มีรายได้ที่อยู่สบาย​ แล้วในขณะเดี๋ยวกันก็ยังคงได้สร้างสรรค์ผลงานที่ตัวเองชอบแบบนี้ต่อไปค่ะ

ตอนนี้มีผลงานอะไรให้ติดตามบ้างครับ

ตอนนี้มีผลงานด้านดนตรีออกมาหลายเพลงเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงโคฟเวอร์เดี่ยวหรือเพลงที่ร่วมร้องกับเพื่อนๆ​ แต่เร็วๆนี้กำลังจะมี Single ใหม่ของยูนิต Mook Kidcat Mai ค่ะ ถ่ายเอ็มวีกันเสร็จแล้วด้วย ฝากรอติดตามกันด้วยนะคะ แล้วตอนนี้แคตก็มีสตรีมในTwitchทุกสัปดาห์เลยค่ะ​

สามารถติดตามน้องคิตแคตได้ช่องทางไหนบ้างเอ่ย

สามารถติดตามแคตทาง​ Instagram, Facebook, Twitter, YouTube และ​ Twitch ได้ในชื่อ​ Kidcatmew​ เลยค่ะ แคตมีสตรีม​ใน Twitch​ วันพฤหัสกับวันเสาร์ตอน ​2 ทุ่มทุกสัปดาห์เลย​ สามารถเข้ามาทักทายพูดคุยกันได้นะคะ

Instagram : https://www.instagram.com/kidcatmew/
Facebook : Kidcatmew
YouTube : https://www.youtube.com/c/Kidcatmew
Twitch : https://www.twitch.tv/kidcatmew

ส่วนผลงานเพลงต่างๆ สามารถติดตามได้ทาง เพจของค่าย Groovinman เลยค่ะ

ผลงานต่างๆที่ผ่านมาของน้องคิตแคต

ห่างหายกันไปนานเลยสำหรับในช่วงสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่ดูไม่มีวี่แววว่าจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นเลย ส่งผลให้การจัดงานไอดอลต่างๆ ถูกยกเลิกกันไปอย่างยาวนาน แน่นอนว่าแฟนคลับหลายๆ คนก็คงคิดถึงน้องๆ ไอดอลกันไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปงานอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อพบปะ การได้ชมไลฟ์ การได้ถ่ายรูป หรืองานอีเว้นท์แบบงานจับมือ งานทูช็อตก็ต้องถูกเลื่อนไปตามๆ กัน ในช่วเวลาแบบนี้ “การอยู่บ้าน” คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถทำได้ แน่นอนว่าหลายๆ คนก็คงมีกิจกรรมในช่วงอยู่บ้านให้เลือกทำแตกต่างกันไป และหนึ่งในนั้นก็คงมีในเรื่องของการ “เล่นเกมส์” แน่ๆ วันนี้ทาง IDOLTH ก็เลยมีเกมส์มาแนะนำเพื่อนๆ กันในช่วงที่เราคิดถึงเหล่าน้องๆ ไอดอล ดังนั้นเราก็ทำวงไอดอลขึ้นมาซะเองเลยเป็นไงล่ะ! ว่าแล้วก็ไปรู้จักกันเกมส์ IDOL Manager กันเลย!

เกมส์ IDOL Manager คือเกมส์อะไร ?

เกมส์ IDOL Manager เป็นเกมส์บริหารจัดการวงไอดอล ซึ่งพัฒนาโดยผู้ผลิตชาวต่างประเทศ ที่มีความชื่นชอบใน Japan Culture อย่างไอดอลเป็นอย่างมาก จึงมีการระดมทุนทาง Kickstarter เพื่อสร้างเกมส์บริหารจัดการไอดอลที่อิงกับไอดอลญี่ปุ่น (โดยเฉพาะ 48 Group) ซึ่งเป็นเกมส์แนว Simulation ที่เราจะต้องเลือกคำสั่งต่างๆ เพื่อที่จะบริหารจัดการวงไอดอล ความน่าสนใจคือการศึกษาระบบไอดอลมาเป็นอย่างดี และมีความละเอียดมากในเรื่องของฟีเจอร์ บทพูดคุย หรือสิ่งที่ผู้เล่นสามารถทำได้ หากเราเล่นเพียงผิวเผินอาจจะคิดว่ามันเป็นเกมส์จัดการวงไอดอลเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ มันมีรายละเอียดให้เราเลือกเล่นมากกว่านั้น ที่สำคัญคือ “มีเนื้อเรื่อง” ให้เราได้เสพย์อีกด้วย

โดยเริ่มต้นเราจะได้เข้ามายังตึกร้างแห่งนึงและเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทไอดอลที่จะทำธุรกิจในวงการนี้ให้เป็นที่รู้จัก โดยเราจะได้เงินเริ่มต้นจากนายทุนของเรา “คุณฟูจิโมโตะ” และเริ่มลงทุนทำธุรกิจของเรา ซึ่งมีตั้งแต่การจ้างพนักงาน ทั้งผู้จัดการ ครูสอนเต้น ครูสอนร้องเพลง คุณหมอ และ สไตล์ลิสต์ ซึ่งแน่นอนทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินในการจ้างพวกเขา สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการคัดเลือกเด็กสาวที่มีแวว เพื่อเอามาปั้นให้เป็นไอดอลที่โด่งดังนั้นเอง

ในการออดิชั่นไอดอลสาวก็มีตัวเลือกให้เลือกถึง 3 ระดับ ซึ่งในแต่ละระดับก็จะใช้เงินในการจัดออดิชั่นที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าโอกาสที่เราจะได้ไอดอลที่มีความสามารถ (การ์ดแรร์) ก็ขึ้นอยู่กับตัวเลือกที่ใช้ในการออดิชั่นด้วยนั้นเอง โดยมีระดับการ์ดเบื้องต้นทั้งหมด 4 ระดับคือ (ธรรมดา/เงิน/ทอง/แพลตตินั่ม) แต่! ถึงแม้ว่าเราจะสุ่มไม่ได้ไอดอลระดับสูงก็ไม่เป็นไร เราสามารถฝึกฝนน้องๆ ไอดอลให้เก่งกาจได้ในอนาคตนั้นเอง เผลอๆ กันเริ่มต้นเลือกเล่นไอดอลธรรมดาที่มีค่า Stats น้อยๆ ตั้งแต่แรก ก็มีข้อดีที่ดีกว่าด้วยซ้ำนะ

ใน 1 วัน เราสามารถเลือกทำกิจกรรมได้หลายอย่าง ทั้งการเปิดการแสดง เพื่อหาเงิน หรือให้ไอดอลไปโปรโมท (แจกใบปลิว) เพื่อเพิ่มจำนวนแฟนคลับของวงไอ้มากขึ้น รวมไปถึงเราต้องมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าไอดอลในวงของเรา ซึ่งเราสามารถเลือกคุยกับไอดอลเป็นคนๆ ได้ ภายในเกมส์ก็ได้มีตัวเลือกสำหรับการพูดคุยที่หลากหลาย ทั้งการ พูดคุยทั่วไป / ถามถึงความปรารานา / ถามเกี่ยวกับวง / ถามเรื่องการจบการศึกษา และที่สำคัญเลยคือ เราสามารถจีบไอดอล ได้นั้นเอง!

แต่แน่นอนว่าการจะจีบไอดอลนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะที่จะทำได้ และไม่ใช่ว่าเราจะจีบได้ทุกคนด้วย บางครั้งเราก็ต้องเริ่มจากการสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน การช่วยแก้ไขปัญหาส่วนตัวให้เธอ ช่วยทำให้ความปรารถนาของเธอได้สมหวัง ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานั้น คุณคงต้องไปลองเล่นด้วยตัวเอง

ขอแอบสปอยล์ให้เล็กน้อยว่า หากเราสามารถจีบติดแล้วก็จะมีเนื้อเรื่องต่อเนื่องให้ได้เล่นกันแน่นอน ซึ่งค่อนข้าง Realistic กับความเป็นจริงพอสมควรเลยนะ 55555+ ไม่อยากสปอยล์เยอะเท่าไหร่ เอาเป็นว่าใครที่อยากเล่นโดยที่เน้นไปทางนี้ก็ไปลองดูเองละกันนะ

สิ่งที่เราต้องบริการจัดการ

สิ่งสำคัญหลักๆ 3 อย่างที่เราจะต้องบริหารนั้น ประกอบไปด้วย

• ทรัพยากรไอดอล : น้องๆ ไอดอลทุกคนจะมีค่าพลังกาย และพลังจิตใจ หากเราให้น้องทำงานหนักจนเกินไปพลังกายก็จะลดลง หากลดลงเหลือน้องประสิทธิภาพการทำงานของน้องก็จะลดลง รวมไปถึงอาจจะป่วยถึงขั้นหยุดพักกิจกรรมของวงไป หรือหนักสุดถึงขั้นอยากจบการศึกษาเลยก็มีนะ อีกหนึ่งก็คือค่าพลังจิตใจ ซึ่งก็แปลผันตามอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งจากลักษณะนิสัยของน้องเอง หรือการถูกกลั่นแกล้งทั้งภายในวง หรือการถูกโจมตีด้วยเรื่องอื้อฉาวจาก Social Network จากบรรดาแฟนคลับและกอสซิบทั้งหลาย ก็มีหมด
• ทรัพยากรเงิน : แน่นอนว่าธุรกิจย่อมต้องขับเคลื่อนด้วยเงิน เราจะต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่าตึก ยิ่งเราขยายกิจการใหญ่ขึ้น มีห้องมากขึ้น มีทีมงานมากขึ้น ก็ย่อมต้องใช้เงินมากขึ้น เราสามารถกำหนดรายละเอียดได้แม้กระทั่งเงินค่าจ้างของน้องๆ แต่ละคน และนั้นก็ต้องแปลผันกับชื่อเสียงของน้องๆ ด้วย คนที่ได้เป็นเซ็นเตอร์ หรือมีแฟนคลับเยอะ ก็อาจจะเล่นตัว ไม่พอใจในค่าจ้างของตัวเองก็มี ซึ่งเราก็ต้องบริหารความพึงพอใจในเงินค่าจ้างของไอดอลแต่ละคนด้วย แน่นอนว่าธุรกิจมีทางรับละลายได้ เกมส์ก็มีตัวเลือกทั้งการกู้เงินจากสปอนเซอร์ของเรา หรือการกู้เงินธนาคารที่ดอกเบี้ยสูงกว่า แน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขบางประการที่เราจะต้องทำ
• ทรัพยากรชื่อเสียง : การทำวงไอดอล จุดประสงค์หลักก็คือต้องการชื่อเสียง ต้องการแฟนคลับ ต้องการงานในสายบันเทิงอื่นๆ ซึ่งในเกมส์ก็ใส่มาได้อย่างตอบโจทย์ ทั้งการที่เราจะต้องออกซิงเกิ้ล ต่างๆ เพื่อโปรโมท หรือขายเพื่อหาเงินเข้าบริษัท โดยเกมส์จะมีการให้เรา Mix & Match ตามที่เราอยากชอบได้ หากใครเคยเล่นเกมส์ Game Dev Story มา ที่เราต้องสร้างเกมส์ ก็แบบนั้นเลย เราต้องเลือกตั้งแต่ แนวทางการตลาด ว่าเราจะขายซิงเกิ้ลของเรายังไง ซึ่งมีตั้งแต่ การขายแบบดิจิทัลดาวน์โหลด / การจัดงานจับมือ / การทำเคมเปญโฆษณา / การออก MV ซึ่งการเลือกในแต่ละอย่างก็จะส่งผลที่แตกต่างกัน เช่น การทำ MV สมมุติทำออกมาดีก็ปังเลย ช่วยบูสยอดขายได้ แต่หากทำแล้วกริบ แฟนคลับก็จะลดน้อยลง เป็นต้น ซึ่งการจัดการในส่วนของซิงเกิ้ลเราสามารถทำได้ละเอียดแม้กระทั่งการจัดตำแหน่งบล็อกกิ้งให้เราน้องๆ ไอดอลได้เลยทีเดียว รักใครชอบใคร อยากให้ใครเป็นเซ็นเตอร์ก็จัดได้เลย

แน่นอนว่าจะผลิตซิงเกิ้ลออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็ต้อง Manage การทำงานของเรา ทั้งตัวเราในฐานะโปรดิ้วเซอร์ที่จะต้องแต่งเพลง ส่งต่อให้ครูเต้นไปคิดค่าเต้น ส่งให้คนทำเพลงไปทำดนตรี หรือให้ผู้จัดการช่วยวางแผนในเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งทั้งหมด ก็ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และสิ่งนี้พนักงานในบริษัทก็มีส่วนสำคัญที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับวงอีกด้วย ยิ่งพนักงานที่อยู่มานานก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ และสามารถถูกโปรโมทตำแหน่งขึ้นในอนาคตได้ด้วย

และหลังจากที่เราเตรียมซิงเกิ้ลเสร็จสิ้นก็ได้เวลาปล่อยซิงเกิ้ลวางขาย ซึ่งเกมส์ก็จะมีการแสดงผล Result ออกมาให้ชม ทั้งยอดขาย ขายเงินกำไรที่เราได้ หรือแฟนคลับที่เพิ่มขึ้นของเรา ซึ่งการแบ่งประเภทแฟนคลับก็ทำได้ละเอียดมากๆ และการเพิ่มขึ้นของแฟนคลับในแต่ละประเภทนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ คอมโบตอนทำเพลง ที่เราเลือกในทีแรกนั้นเอง เช่นแฟนผู้ชายชอบเพลงแนวนี้ แฟนผู้หญิงอาจจะชอบอีกแนว ดังนั้นคุณสามารถเลือกได้ว่าวงของคุณจะเจาะตลาดแฟนกลุ่มไหนบ้าง

นอกจากนี้แล้ว เมื่อปลดล็อกแล้ว เรายังสามารถจัดงานคอนเสิร์ตของวง เพื่อทำการแสดงในรูปแบบที่อลังการได้อีกด้วย แม้กระทั่งเราอยากจัดงานเลือกตั้งก็ทำได้นะ !!! ทุกอย่างอิงตามระบบของ 48G ได้อย่างน่าตกใจเลยล่ะ

ในการจัดงานอีเว้นท์แต่ละแบบ ก็ต้องมีการ Manage เช่นกัน การจัดการดีก็ย่อมส่งผลกระทบต่ออีเว้นท์นั้นๆ ให้ได้เงินมากขึ้น หรือได้แฟนคลับมากขึ้น แน่นอนว่าเราต้องบริหารจัดการน้องๆ ไอดอลให้ดี หากน้องๆ เหนื่อย หรือทำงานหนักเกินไป ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดที่มากขึ้นได้ การจัดคอนเสิร์ท เราสามารถจัดได้ในระดับ Setlist เลือกเซ็นเตอร์ในแต่ละเพลงได้เลยทีเดียวนะ

ในระหว่างจัดงานคอนเสิร์ทนั้น ก็จะมี Event แต่ช่วงคอนเสิร์ทขึ้นมาให้เราได้ตื่นเต้นด้วย ก็จะมีเหตุการณ์หลายๆ แบบที่เกิดขึ้นในระหว่างงานคอนเสิร์ตให้มาท้าทายสกิลการตัดสินใจของเราในฐานะโปรดิวเซอร์อยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าข้อผิดพลาดทั้งหมด ย่อมแก้ไขได้ล่วงหน้า ด้วยการให้น้องๆ ได้ซ้อมให้เก่งขึ้น ก็จะช่วยลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในงานคอนเสิร์ทได้นั้นเอง

เนื้อเรื่องของเกมส์

ไม่เพียงแค่การบริหารจัดการไอดอลอย่างที่ได้บอกไปเท่านั้น เกมส์นี้ยังมีส่วนของเนื้อเรื่องที่เราต้องดำเนิน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องหลักที่เราต้องคอยปลดเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ โดยทำตามเป้าหมายในแต่ละ Chaptor หรือเนื้อเรื่องแทรกระหว่างวัน ที่เราต้องตัดสินใจแก้ปัญหาให้ไอดอล ซึ่งมีตั้งแต่ ไอดอลแอบมีแฟน มีคนจับได้ ไอดอลเล่นโซเชี่ยวแล้วเผลอโพสต์ผิด ซึ่งทุกการตัดสินใจของเราก็จะส่งผลกระทบทั้งกับความรู้สึกของน้องๆ ไอดอล หรือบางครั้งต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในวงเองยังมีเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เยอะพอสมควร ทั้งเรื่องซุบซิบนินทา การแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือหนักไปถึงเรื่องการกลั่นแกล้งกันภายในวง ซึ่งของพวกนี้เราก็ต้องตามสืบด้วยตัวเอง ว่าใครสนิทกับใคร ใครอยู่แก๊งเดียวกับใคร ใครแกล้งกัน ใครแอบคบกันอยู่!? ทั้งหมดนี้ก็มาจากการที่เราต้องพูดคุยและตีสนิทกับน้องๆ ให้ได้ เพื่อเปิดใจและแก้ไขปัญหาภายในวงไปพร้อมกันการพาวงเดินต่อไปข้างหน้า เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายที่สมจริงจนน่ากลัวของเกมส์เลยทีเดียว 55555+

สปอยล์ส่วนสำคัญว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ที่คนอาจจะไม่รู้

1. เราสามารถจีบไอดอลได้ แต่งงานกับไอดอลได้ และไปถึงขั้นหย่าร้างกันเลย
2. ไอดอลที่จบการศึกษาไปแล้ว เราสามารถจ้างเธอต่อเพื่อมาทำงานในวงต่อได้ (ในฐานะสตาฟ)
3. เราสามารถไล่ไอดอลที่สร้างปัญหาให้กับวงเราออกได้ (และควรทำ หากต้องทำ)
4. เราสามารถโกงผลการเลือกตั้งได้ !?!?
5. เราสามารถกำหนดกฏระเบียบต่างๆ ของวงได้ ทั้งกฏเรื่องการมีแฟน กฎการใช้งานโซเชียลมีเดีย ฯลฯ
6. เราสามารถสร้างเธียเตอร์สำหรับการแสดง และจัดตารางการแสดงได้
7. เราสามารถสร้างคาเฟ่ได้ และคิดเมนูอาหารพิเศษของเมมเบอร์แต่ละคนได้
8. เราสามารถสร้างวงน้องสาว (Sister Group) ได้
9. เราสามารถมีคนมาทำงานแทนเรา (ในฐานะ Producer) ได้ หากคนนั้นมีการฝึกฝนที่ดีพอ

ซึ่งทั้งหมดทั้งปวด ก็มีเงื่อนไขที่จะต้องปลดล็อก หรือแนวทางที่จะหาทางไปสู่จุดนั้นให้ได้ ซึ่งผมเองก็ยังเล่นไม่จบเช่นกัน แต่บอกได้เลยว่า เกมส์มีความละเอียดเยอะมากๆๆๆๆ ต้องไปลองเล่นกันดู!!

จะเล่นได้อย่างไร?

เกมส์นี้ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Steam ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งบน Windows และ MacOS มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 289 บาท ซึ่งบอกเลยว่า คุ้มมากกกก ถูกกว่าบัตรเชกิซะอีก ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปซื้อเกมส์ได้ที่ ลิ้งค์นี้เลย

แพชท์ภาษาไทย !?!?

อย่างที่เราเห็นรูปประกอบกันมาทั้งบทความนี้จะเห็นได้ว่าเกมส์รองรับภาษาไทย จริงๆ ต้องบอกว่า โดย Default ของเกมส์แล้วนั้น ไม่ได้รองรับภาษาไทย แต่ด้วยความชอบและถูกใจมากของตัวผมเอง >w< ผมจึงได้ร่วมมือกันกับพันธมิตร Seasons X Translator / IDOLTH.com / KyosukeKL Gamer ในการแปลเกมส์นี้ออกมาเป็นภาษาไทยให้แฟนๆ ได้รู้สึกอินมากยิ่งขึ้นในการเล่นเกมส์ IDOL Manager นี้ ซึ่งตัวเกมส์เองเปิดโอกาสให้สามารถแปลภาษาต่างๆ รวมไปถึงการสามารถสร้างอีเว้นท์พิเศษแทรกขึ้นมาเองได้ด้วย โดยในเบื้องต้นทางทีมได้มีการปล่อย แพชท์ แปลภาษาไทย Release แรก ออกมาให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปใช้กันแล้ว (12 สิงหาคม) โดยสามารถเข้าไปโหลดได้ที่ ลิ้งค์นี้เลย

สำหรับรายละเอียดของแพชท์เบื้องต้นนั้น

แน่นอนว่าต้องบอกว่ายังมีความห่างจากความสมบูรณ์อีกเยอะพอสมควร เพราะในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น มีมากกว่าหมื่นบรรทัด ซึ่งทางเราคงไม่ได้ออกจนสมบูรณ์ตั้งแต่ครั้งแรก ก็คงทยอยๆ ค่อยๆ แปลไป และเพื่อนๆ เองที่สนใจ ก็สามารถเข้ามาช่วยกันแปลในส่วนของเนื้อเรื่องได้ ทางเรายังต้องการทีมงานอีกจำนวนมากมาช่วยกันแปล และขัดเกลาคำ บทพูดต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

Mod Workshop

และอีกหนึ่งความน่าสนใจของเกมส์นี้คือ การที่เราสามารถเขียน Mod เพื่อโมดิฟายเกมส์ในรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาได้ โดยทีมงาน IDOLTH ก็ได้ทำการสร้าง Mod ที่ชื่อว่า CGM48 Member ขึ้นมา โดยเมื่อลง Mod นี้แล้ว เราก็จะสามารถโปรดิ้วน้องๆ CGM48 ทั้ง 25 คนได้นั้นเอง!!! โดยเบื้องต้นตอนนี้ จะเป็นการใช้รูปจากซิงเกิ้ลมะลิ และในอนาคตจะพยายามอัดเดทเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มชุดยูนิฟอร์มต่างๆ ทั้งชุดวง หรือชุดไปรเวศทั่วไป และแน่นอนว่า สามารถสร้าง Event และบทพูดคุยต่างๆ แทรกเข้าไปในเกมส์ได้ด้วย อันนี้ต้องขอทีมงานไปศึกษาดูก่อนนะ ถ้าทำได้ มีเวลาว่างพอก็อยากทำมาให้เล่นอย่างแน่นอน

ไปที่หน้า Mod CGM48 Member : https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=2572517794

กด Subscribe ปุ่มเขียวๆ เพื่อโหลด และเมื่อเข้าเกมส์ ที่เมนู ม๊อด หากเป็นกรอบสีเขียวที่ม๊อดถือว่าเปิดใช้งานแล้ว

และแน่นอนว่าแผนการต่อไป ผมก็คิดว่าอยากสร้าง Mod ที่เป็น ” Idol Thai “ ที่ผู้เล่นสามารถเลือกออดิชั่นไอดอลไทยใดๆ ได้ จะเอามายำเป็นวงเดียวกัน แยกเป็นวงน้อง หรือใดๆ ก็แล้วแต่ ซึ่งแค่คิดก็สนุกแล้วล่ะ (แต่คงทำไม่สนุกซักเท่าไหร่ แค่ตัดรูปก็เหนื่อยแล้ว)

เอาเป็นว่า รอติดตามในอนาคตละกัน ถ้าแอดมินไม่หมดไฟไปซะก่อนนะ 555555+ ใครสนใจช่วยทำ ก็ติดต่อเข้ามาได้นะ ยินดีๆ

สำหรับใครที่โหลดไปลองเล่นทั้งแพทช์ภาษาไทยและ Mod ที่แจกก็สามารถคอมเม้นท์ไว้ตามช่องทางต่างๆ หรือถ้าทวิตก็ใส่แฮชแท็ก #IdolManagerTH เอาไว้นะ เดี๋ยวจะตามไปอ่าน และนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น

ในช่วงที่อะไรก็ไม่เป็นใจแม้แต่เรื่องของความรัก HatoBito วงไอดอลจาก Spaceidol จะพาคุณไปดําดิ่งกับความรักที่ไม่สมหวังแต่ไม่ถึงกับผิดหวัง เพียงจะขออยู่กับความรักเท่าที่เคยมีอยู่ตรงนี้ ที่เดิม ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม โดยสมาชิกยูนิตนี้ได้แก่ เบลล์ (เซ็นเตอร์), ซายน์, ซัมเมอร์, ข้าวสวย, ไอริ, เบญและมายด์ โดยเพลงนี้จะมาในแนว SYNTH POP ที่ประกอบด้วยซาวด์ย้อนยุค ผสมกับความเป็นเพลงกระแสหลักในยุคนี้ เพื่อให้ได้ความรู้สึกถึงความเป็นอดีต ที่ผ่านกาลเวลาและยังมีตัวตนจนปัจจุบัน เป็นเพลงที่มีความแตกต่างจากเพลงอื่น ๆ ของอย่างชัดเจน

และทีมผลิตเพลงยังคงเป็น เต้ electric.neon.lamp ฐานะ Music Director ของ HatoBito เช่นเคย และทีมงานศิลปินชื่อดังของไทย แต่งทํานองโดย แก๊ก Slot Machine, เรียบเรียงเพลงและทํานอง โดย ชนม์ Slot Machine และศิลปินอินดี้ชื่อดัง โต Mirrr รับหน้าที่แต่งเนื้อร้องของเพลงนี้อีกด้วย

ในส่วนเมมเบอร์ของเพลง ‘Forget Me Not’ ประกอบไปด้วย 7 คนจาก 11 สมาชิกของวง โดย เซ็นเตอร์ของเพลง เบลล์ (สุพิชญา ลาชโรจน์) สาวเสียงใสที่จะพาทุกคนไปเศร้าปนแอบดีกับซิงเกิลนี้พร้อมสมาชิกเสริมทัพอย่าง ไอริ (สุพิชชา สนธิไทย), เบญ (กุลิสรา อิสรานุเทพ), ข้าวสวย (เนตรบิดร บัวอินทร์), ซายน์ (อรณัฐ ลาภโรจน์ไพบูลย์), ซัมเมอร์ (ณพิชญา สอนคํามี) และ มายด์ (ณิชกานต์ จิรานิธิกูล)

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมประจําซิงเกิล ‘รออยู่ที่เดิม’ ที่ให้แฟนคลับมาร่วมสนุกในการใช้ Filter Instagram ถ่ายรูปน้องๆ กับวิวที่ชวนรออยู่ที่เดิมด้วยกันโดยกิจกรรมนี้มีถึง 10 สิงหาคมนี้สําหรับเพลง ‘Forget Me Not’ เหมือนกับเพลงคู่ขนาดของ ‘Open World’ ที่ลดความสดใสลงแต่ก็จะไม่ให้ทุกคนเศร้าอย่างเดียวดายมาฟังและชม Lyric Video พร้อมกันได้ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2021 ทาง YouTube, Apple Music, iTunes, Spotify, JOOX, Deezer, YouTube Music และ TIDAL

ร่วมติดตามข้อมูลข่าวสาร อัพเดทผลงานของ HatoBito ได้ทาง Facebook : HatoBito, Youtube : HatoBito, Instagram : hatobito_official, Twitter : @HatoBito_TH และ TikTok : hatobito.official

พบกันอีกครั้งกับบทสัมภาษณ์พิเศษของเหล่าศิลปินไอดอลในวงการ ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทาง Groovinman ที่ให้น้องไหม capmaii ศิลปินไอดอลที่ถือได้ว่าเป็นไอดอลรุ่นบุกเบิกของวงการไอดอลไทย กับวงแมวสยาม Siamese Kittenz ได้มาเผยมุมมองของตัวเองเกี่ยวกับศิลปินไอดอลในตอนนี้ ลองไปอ่านและทำความรู้จักน้องจากบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย

ไอดอลกับศิลปินในความหมายของน้องไหมคิดว่าเป็นแบบไหน แล้วต่างกันอย่างไร

ไหมคิดว่าทั้งไอดอลและศิลปินเป็นเป็นคนที่มีความสามารถ เหมือนกับอาชีพๆอื่นเลยค่ะ เราต้องมีทักษะในสายงานที่เราทำ ต้องมีความพยายามและต้องฝึกฝนอยู่ตลอด แล้วก็ต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นด้วย

แต่ถ้าถามว่าต่างกันยังไง เอาจริงๆ ทุกวันนี้ไหมก็ยังแยกไม่ออกเท่าไหร่555 เพราะสำหรับไหม ไหมก็มองว่าไอดอลคือศิลปินคนนึง อาจจะมีส่วนที่ต่างกันตรงที่ไอดอลจะมีจุดเด่น คือ ภาพลักษณ์ ผลงาน ความสามารถ ความนิยม มาผสมรวมๆกัน  แต่ศิลปินจุดเด่นหลัก จะเน้นไปที่ตัวผลงาน และความสามารถ ส่วนภาพลักษณ์ เป็นเรื่องรองลงมา ความนิยมน่าจะเป็นผลพลอยได้จากส่วนบนๆ แต่ทั้ง 2 คำในความคิดของไหม สุดท้ายก็มีส่วนผสมที่เหมือนๆกันในแง่การทำงาน ต่างกันตรงที่ การให้ความสำคัญในแต่ละส่วนเท่านั้นเอง เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ต่อให้ภาพลักษณ์จะดีแค่ไหน แต่ถ้าผลงานไม่ดี มันก็ยากที่จะเติบโตต่อไป 

วงการไอดอลไทยเมื่อก่อนกับตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

เปลี่ยนไปมากเหมือนกันค่ะ555 ตอนสมัยSMKT เนี่ยไม่มีวงไอดอลเลย เงียบเหงามากๆ ส่วนตอนนี้วงการไอดอลของไทยก็เติบโตมากขึ้น คนภายนอกรู้จักศิลปินไอดอลแล้วก็เปิดใจกับมันมากขึ้น ไม่รู้เรียกว่าคึกคักได้ไหม แต่จำได้ว่าก่อนช่วงโควิด19 รู้สึกว่าวงการไอดอลคึกคักมาก มีวงเกิดและเติบโตขึ้นมาเต็มเลย ส่วนเรื่องการทำงานไม่แน่ใจว่าต่างกันไหม แต่ที่พอสังเกตมารู้สึกว่าสมัยนั้นไอดอลต้องร้องเต้น ทำเพลง ถ่ายMV ก่อนแล้วค่อยเปิดตัว แต่สมัยนี้ก็จะเน้นไปที่การเปิดตัวก่อนให้ปัง ไปพร้อมทำเพลง ขายของ ออกงาน แต่จริงๆมันก็แล้วแต่รูปแบบวางแพลนในแต่ละบริษัทที่เขาน่าจะคิดมาแล้วอยู่ดีค่ะ 

น้องไหมอยากให้วงการไอดอลไทยไปในทิศทางใด

แน่นอนว่าไหมอยากให้มันเติบโตขึ้นค่ะ ไปทางในทางที่ดีขึ้น จริงๆไม่ใช่แค่วงการไอดอลไทยหรอกค่ะ ที่ไหมอยากให้เติบโต แต่อยากให้อุตสาหกรรมดนตรีไทยเนี่ยเติบโตมากขึ้นเลยมากกว่า เพราะไหมคิดว่าถ้าอุตสหกรรมดนตรีเราเติบโต วงการไอดอลเราก็จะเติบโตด้วย ละก็โตไปพร้อมๆกัน แต่สุดท้ายการจะทำให้วงการมันเติบโตมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนในวงการอย่างเดียวด้วย มันก็ขึ้นอยู่กับแฟนคลับ สังคม และอีกมากมาย ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างแหละค่ะ ทิศทางของวงการมันเลยเติบโตได้ยากขึ้น แต่ใจเราก็คืออยากให้อุตสาหกรรมนี้มันโตแหละค่ะ จะได้มีงานทำ อิอิ 

เพราะอะไรตอนนั้นถึงตัดสินใจเลิกเป็นไอดอล และเพราะอะไรถึงตัดสินใจที่จะกลับมาอยู่ในวงการไอดอลอีกครั้ง

ตอนนั้นเป็นเรื่องของสัญญาที่ไหมตัดสินใจและวางข้อตกลง กับค่ายตั้งแต่วันแรกที่ไหมจะเซ็นสัญญาแล้วค่ะ เพราะตอนนั้นไหมเซ็นตั้งแต่อายุ 14 เราคิดว่าพอเวลาผ่านไปเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านวัยมัธยม ไปวัยมหาลัย ตอนนั้นไหมและน้องๆ ก็น่าจะเจอทางใหม่ๆ ที่เราอยากเดินต่อ พอถึงเวลาของมัน ไหมก็เจอเส้นทางใหม่ ไหมและน้องๆก็เลยเลือกที่จะเดินต่อในเส้นทางใหม่แค่นั้นเลยค่ะ

ถ้าถามว่าทำไมถึงกลับมา ไหมกลับมาเพราะวงการไอดอลเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ไหมเรียนในสายธุรกิจดนตรีและบันเทิง พอเรียนๆไปไหมก็รู้สึกว่าถ้าวงการไอดอลได้รับการพัฒนามันต้องเติบโตได้ดีแน่ๆ เลยเลือกที่จะกลับมาค่ะ แต่เราก็ไม่ได้เลือกกลับมาในฐานะศิลปินไอดอลอย่างเต็มตัวเท่าไหร่นะคะ ส่วนใหญ่ไหมก็กลับมาอยู่เบื้องหลังวงการไอดอลซะมากกว่า fc ทุกวงเลยค่าาาา 

ฝากผลงาน และช่องทางการติดตามได้เลย

หลักๆก็ทาง Ig: iam_maii_  FB: capmaii กับไหม แล้วก็มีผลงานกับทาง Groovinman ด้วยค่ะ ไปชมไปฟังได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่ง แล้วก็มีรายการด้วยค่า class one ทางฉันฝันเธอ ALTV4 กดเลยๆ ค่าา

ผลงานของน้องไหมกับทาง Groovinman ใน ONE DAY TO THE NEXT PROJECT

เพลง 愛している (ไอชิเตรุ) รึเปล่า ? [Mook Kidcat Mai]

เพลงประตูเวลา

‘ MAI ‘ กลั้นใจ – WONDERFRAME
x ถ้าพรุ่งนี้ – Jahrom ft. แจนจัง

และติดตามผลงานอื่นๆของน้องไหมต่อได้ที่ https://www.facebook.com/groovinman

กักตัวอยู่บ้านจนความสนุกเริ่มเจือจาง HatoBito วงไอดอลจาก Space Idol ชวนทุกคนมาฮีลตัวเอง เติมสีสันให้ชีวิตของคุณ ‘ช่างชุ่มฉ่ำ’ มากขึ้น ด้วย Coupling Song แรก ‘Open World’ หลังจากเปิดตัวซิงเกิลหลักเพลงแรก ‘HeartBeat’ ไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา

‘Open World’ นับเป็นเพลงที่มีดนตรีแนว Electronic Pop ในสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่ซับซ้อนฟังง่าย ซาวด์ Synthesizer ที่ตั้งใจเลือกให้สื่อถึงความสนุกแบบเกมญี่ปุ่น ชวนขยับร่างกายปรบมือตามจังหวะ รู้สึกอยากออกไปสนุกท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใส เปิดโลกกว้างให้ใหญ่ขึ้น และได้ลองทำตามหัวใจตัวเอง นับเป็นเพลงที่แต่งเติมความสนุกให้กับคนฟัง ที่อย่างน้อยก็ต้องอยากแหงนมองท้องฟ้า และอยากก้าวเท้าออกจากบ้านไม่มากก็น้อย ซึ่ง ‘Open World’ นำทีมดูแลการผลิตโดย Music Director ของวง HatoBito อย่าง เต้ electric.neon.lamp และทีมงานคุณภาพอย่าง แก๊ก Slot Machine ที่มารับหน้าที่แต่งทำนอง, ชนม์ Slot Machine รับหน้าที่เรียบเรียงเพลงและทำนอง และซินธ์ The X Factor รับหน้าที่แต่งเนื้อร้องและทำนองของเพลงนี้อีกด้วย

ในส่วนเมมเบอร์ของเพลง ‘Open World’ ประกอบไปด้วยเมมเบอร์ 7 คนจาก 11 สมาชิกของวง นำทีมโดย 2 เซ็นเตอร์ของเพลง ทราย (กนกพร วิโรจน์จุลศักดิ์) และ พาย (ญดา จักรภีร์ศิริสุข) ที่จะมาสร้างความสดใสพาทุกคนสนุกไปกับซิงเกิลนี้อย่างแน่นอน พร้อมสมาชิกเสริมทัพอย่าง ไอริ (สุพิชชา สนธิไทย), เข็ม (ศิรากาญจน์ กีรติกร พิสุทธิ์), ข้าวสวย (เนตรบิดร บัวอินทร์), ซายน์ (อรณัฐ ลาภโรจน์ไพบูลย์) และ เฟรนด์ (ชนากานต์ ไทยงาม)

สำหรับเพลง ‘Open World’ ได้มีเซอร์ไพรส์ประกาศวันปล่อยเพลงครั้งแรกทาง Facebook Page HatoBito พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ ‘Open World, Snap World’ ที่ให้แฟนคลับมาร่วมสนุกในการส่งภาพท้องฟ้า เพื่อร่วมเป็น ส่วนหนึ่งในเพลง ‘Open World’ นับเป็นกิจกรรมที่มีแฟนคลับร่วมสนุกกันเป็นจำนวนมากและได้รับกระแสตอบรับที่ดี แล้วมาบุ๊ควันรอฟังความชุ่มฉ่ำกันได้เลย 22 พฤษภาคมนี้แล้ว กับ Lyric Video ‘Open World’ พร้อมเพลงเต็มที่ออกมากระตุ้นความสดใสทาง Apple Music, iTunes, Spotify, JOOX, Deezer, YouTube Music และ TIDAL

ร่วมติดตามข้อมูลข่าวสาร อัพเดทผลงานของ HatoBito ได้ทาง Facebook : HatoBito, Youtube : HatoBito, Instagram : hatobito_official, Twitter : @HatoBito_TH และ TikTok : hatobito.official

ผ่านไปแล้วกับ “ HatoBito Music Bar On Ground ” ซึ่งเป็น  Private Event แรกของวง HatoBito จัดขึ้นที่ Brownstone อ่อนนุช เมื่อวันเสาร์ ที่ 20 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างดี โดยบัตรเข้าชมแบบจำกัดจำนวน 60 ที่นั่ง จำหน่ายหมดในรอบแรกภายในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น และบัตรหลุดการจองที่นำมาจำหน่ายในรอบที่สอง 7 ที่นั่งก็หมดภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที!

สำหรับบัตรเข้าชมมีจำหน่าย 2 ราคา แบ่งเป็นราคาบัตร Standard Ticket ราคา 500 บาท จะได้รับบัตรเข้าชมและ Welcome Drink by Chef Sai  และราคาบัตร Divin’ Band Ticket ราคา 850 บาท จะได่รับบัตรเข้าชม Welcome Drink และเสื้อ Divin’ Band รุ่นที่ 1 จำนวน 1 ตัว

งาน HatoBito Music Bar On Ground ครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากรายการ HatoBito Music Bar ที่ไลฟ์สดผ่านเพจทางการของวงทุกวันศุกร์ โดยเริ่มไลฟ์ครั้งแรกเมื่อ 15 มกราคม พ.ศ.2564 และกำเนิดเป็น Divin’ Band วงดนตรีดำน้ำ ที่ร้องถูกผิดไม่รู้แต่ลากจนจบได้ละกัน ซึ่งมีสมาชิกหลักประกอบไปด้วย Khaosuay Belle ร้องนำ Pie คีย์บอร์ด Friend กีตาร์ และ Sign มือกลอง โดยมีสมาชิกในวงคนอื่นได้แก่ Airi Ben Khem Summer Mild และ Sai สลับกันรับเชิญมาร่วมบรรเลงบทเพลงเพราะ ๆ ในทุกสัปดาห์ จนมีแฟนคลับสอบถามถึงการเปิดขายตั๋วเพื่อฟังดนตรีแบบสด ๆ ในสตู เมื่อแฟน ๆ กล้าขอ ทางวงก็กล้าจัดให้ จนกลายเป็นปฏิบัติการณ์เตรียมงานและซ้อมดำน้ำ 30 เพลงใน 14 วันของ Dinvin’ Band เพื่อครอบครัวชาวฮาโตะนี้ขึ้นมา

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ซึ่งผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมทุกท่านจะได้รับ welcome drink by chef ที่ชงกันแก้วต่อแก้วโดย Chef Sai และ Summer เป็นเครื่องดื่มเบอรี่โซดาซาบซ่าให้ตื่นกันก่อนเข้างานเลย หรือถ้ายังสดชื่นไม่พอ สามารถซื้อเครื่องดื่มเมนูพิเศษที่คิดโดยสมาชิกในวงอีกสามรายการในราคาเพียงแก้วละ 59 บาท สำหรับใครที่อยากทานขนมเบา ๆ รองท้อง สามารถอุดหนุนขนมขบเคี้ยวจากแม่ค้าสุดสวย Airi และ Mild ได้เลย แต่ถ้าใครอยากทานอะไรที่อยู่ท้อง สาวบางโพธิ์ Khem และ Ben ขนลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอก ไส้ย่าง ปลาหมึก มาขายเต็มคันรถในราคาย่อมเยาว์เพียงไม้ละ 15 บาทเท่านั้น โดยเฉพาะไส้ย่างถือเป็นเมนูเด็ดที่ขายดิบขายดีจนหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตกถึงท้องของ Pie ผู้โดนทีมงานห้ามแฟนคลับให้อาหารเป็นกรณีพิเศษ

สิ่งที่พิเศษสำหรับงานนี้สำหรับแฟนคลับ และค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับงานไอดอลคือ สามารถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้างานได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะทีมงานและสมาชิกวงไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มนะจ๊ะ ส่วนแฟนคลับถึงจะดื่มได้ แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และสนุกไปกับงานกันอย่างเต็มที่เลยที่เดียว

ทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้าสู่ฮอลล์ ก็สัมผัสถึงบรรยากาศมิวสิคบาร์ได้ด้วยไฟสีม่วงและแอร์เย็น ๆ เวทียกระดับจากพื้น 1 ฟุต มีเชือกกั้นระหว่างเวทีและโซนผู้ชม แต่ยังรู้สึกถึงความใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี ผู้ชม 60 คนแต่พื้นที่ในฮอลล์ยังเหลือเฟือให้ยืนชมและกระโดดได้เต็มที่

หลังจากนั้นคือเวลาจัดเต็มของ Divin’ Band ในเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่ขนเอาทั้งเพลงยุค 20’s และเพลงยุคปัจจุบันมาดำน้ำไปพร้อมกับแฟน ๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนก็สามารถร้องตามได้ทุกเพลงไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน อาทิเพลง เกี่ยวกันไหม เหงาเหงา จำทำไม ฤดูที่ฉันเหงา ลงใจ สองรัก เล่นของสูง เพียงกระซิบ ที่ขับร้องโดยนักร้องนำของวง Khaosuay และ Belle ฟังเสียงหวาน ๆ กับเพลง เหนื่อยไหมหัวใจ สักวันฉันจะดีพอ ที่ร้องโดย Sai และอินไปกับเพลง พรหมลิขิต จาก Mild มาเติมความสดใสกับเพลง Heartbeat ที่ร้องโดย Khem center ของเพลงนี้ เปลี่ยนเป็นจังหวะร๊อคด้วยเพลง อย่างน้อย คุกเข่า กับ Summer กัปตัน Airi ที่มาชวนตะโกนกับเพลง ฤดูร้อน หรือจะโจ๊ะ ๆ ไปกับ Ben ในเพลง Playgirl และอีกสิบกว่าเพลง ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าตั๋ว เต็มอิ่มกับความสนุก ความฮาและความมันส์กับประสบการณ์ทางดนตรีที่หาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอน

ระหว่างการแสดงแฟนคลับสามารถให้กำลังใจนักดนตรีด้วยการซื้อดอกกุหลาบมอบให้ในราคาดอกละ 50 บาท ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็แอบคิดนะว่า แพงจัง ทำไมขายอาหาร เครื่องดื่มถูก ๆ แต่ขายดอกไม้แพงขนาดนี้ แถมยังดูเชยจังเลย แต่พอทีมงานบอกว่ารายได้ของดอกไม้จะให้กับสมาชิกวงแบบเต็มจำนวนโดยไม่หักจากออฟฟิเชียลแค่นั้นแหละ มีกี่ดอกก็หมด

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่สิ้นสุด หลังจบการแสดงก็ได้เวลาจากลากัน น้อง ๆ ทุกคนก็ได้ออกมาให้ถ่ายรูปและพูดคุยกับแฟนคลับอย่างเป็นกันเองที่แบคดรอปด้านหน้า ที่ทำจากโปสเตอร์ของงานมาประกอบกัน และยังให้แฟนคลับเก็บโปสเตอร์แบคดรอปติดไม้ติดมือกลับบ้านกันด้วย ปิดงานด้วยความสุขและความประทับใจกันถ้วนหน้า  ได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่าจะจัดงาน music bar on ground ให้ได้ไตรมาศละครั้ง เชื่อแน่ว่าถ้ามีงานครั้งหน้าต้องขยับขยายพื้นที่ เพราะบัตรรอบหน้าอาจขายหมดภายใน 1 นาทีก็เป็นได้

สำหรับใครที่อยากติดตามน้องๆ Hatobito สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/hatobito

จบไปแล้วกับกิจกรรม HatoBito White Day ที่ทางไอดอลวง Hatobito ได้จัดขึ้นเมื่อ
วันที่ 14 มีนาคม 2021 ที่ ลานสกายวอร์ค แยกปทุมวัน หรือ ลายสกายวอร์คห้าง MBK Center

สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น เป็นกิจกรรมที่ให้แฟนคลับได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับน้องๆ ไอดอลวง Hatabito แบบครบทั้งวง หลังจากที่ห่างหายจากกิจกรรมไปนาน โดยงานนี้แฟนคลับสามารถนำของขวัญใดๆ ก็ได้มามอบให้กับน้องๆ เนื่องในโอกาสวันไวท์เดย์ และพิเศษสุดๆ ที่จะได้รับของขวัญตอบแทนจากน้องๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นเซอร์ไพซ์กันทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่งแฟนคลับที่จะได้ลุ้นว่าเมมเบอร์จะทำของอะไรมาให้ รวมถึงเมมเบอร์ก็ลุ้นด้วยว่าพี่ๆ แฟนคลับจะนำอะไรมาให้

โดยในวันนี้ น้องๆ ทุกคนมาในธีม ชุดสีขาว น่ารักสดใส ตามสไตล์ของแต่ละคน
และนอกจากกิจกรรมแลกของขวัญแล้ว งานนี้ทีมงาน ก็มีเซอร์ไพรส์ให้กับน้องๆ และเหล่าแฟนคลับอีกด้วย

นั่นคือ การประกาศเพลงรอง ทั้ง 2 เพลง โดยเพลงแรก Open world ที่ได้
แก๊ก Slot Machine และ ชนม์ Slot Machine มาช่วยทำดนตรี
และได้ ซินธ์ The X factor มาเขียนเนื้อร้องให้ โดยมีเมมเบอร์ทั้งหมด 7 คน สำหรับเพลงนี้ได้แก่ Khaosauy khem Sign Friend AIRI และ ดับเบิ้ลเซนเตอร์ได้แก่ Sai และ Pie

ส่วนอีกเพลงคือ Forget me not ที่พาร์ทดนตรียังคงเป็น แก๊ก Slot Machine และ ชนม์ Slot Machine เป็นผู้ทำให้ ส่วนเนื้อร้องได้ โต Mirrr มาเขียนเนื้อให้ โดยมีเมมเบอร์ ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ Sign Khaosauy Airi Mild Ben Summer และเซ็นเตอร์ คือ Belle

“THE DEBUT หรือ เดอะ เดบิวต์..อวสานไอดอล” ซีรี่ส์เรื่องใหม่ของ กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส และ WeTV เป็นซีรี่ส์ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์สืบสวนสอบสวน เสียดสีสังคม โดยมีธีมหลักในการดำเนินเรื่องเป็นไอดอลสาววงหนึ่ง ซึ่ง THE DEBUT ได้หยิบยกเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของวงไอดอลไทยที่เป็นวงน้องสาวของไอดอลที่ญี่ปุ่นมาใช้ในเรื่องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ระบบเซ็มบัตสึ เธียเตอร์ งานเลือกตั้ง งานจับมือ เอากิมมิคบางส่วนมาใช้ หรือแม้กระทั้งใช้ชื่อแฟนคลับของวง Newtype ว่า “โอตะ” อาจจะเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกคุ้นเคย และเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น ไม่แปลกใจถ้าจะมีกลุ่มแฟนคลับรู้สึกไม่ดีหรือต่อว่า ว่าเลียนแบบวงที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ด้วยการที่หนังเป็นแนวเสียดสียังไงก็ต้องมีการหยิบยืมมาใช้เพิ่มเติมเสริมแต่งบ้างเป็นปกติ

ตัวซีรี่ส์เปิดเรื่องมาด้วยเสียงเชียร์ของเหล่าโอตะและเสียงเพลงสดใสบนสเตจของวง Newtype ซึ่งมีเซ็มบัตสึ (สมาชิกตัวหลักของวง) เป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 1 คือ หยก(เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย) กัปตันวง, สไมล์(เชอรีน ณัฐจารี หรเวชกุล) เซ็นเตอร์วง, ยูอิ(นารา เทพนุภา), คิริน(แคท นาเดียร์ มงก๊อด), มินนี่(จ๋อมแจ๋ม สุพิชชา สุบรรณพงษ์) รุ่นที่ 2 ไมเนอร์(ปั๋น ดริสา การพจน์) และ ฟาน(ฟิล์ม รชานันท์ มหาวรรณ์) ตัดสลับกับภาพการเสียชีวิตของฟานหนึ่งในเมมเบอร์ของวง

เดอะ เดบิวท์ ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักคือ เฟม(พลอย พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) สาวร็อคคสุดเซอร์ เธอชอบดื่มของมึนเมา สบถคำหยาบเป็นเรื่องปกติ และมีแฟน คือ เบิ้ล(เก้า จิรายุ ละอองมณี) ฟานเป็นน้องของเฟม เธอกับเฟมต่างกันเหมือนคนละขั้ว  ฟานเป็นสาวน้อยน่ารักสดใสที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นไอดอล อยากยืนอยู่บนเวทีเดียวกันกับไอดอลที่เธอชื่นชม เธอพยายามฝึกร้องฝึกเต้นจนในที่สุดเธอได้เข้าไปเป็นไอดอลเมมเบอร์รุ่นที่ 2 ของวง “Newtype” วงไอดอลที่เป็นความฝันของเธอ….แต่ก็เป็นความฝันที่ทำให้เธอต้องจบชีวิตของตัวเธอเองด้วยเช่นกัน

เฟมเสียใจกับการเสียชีวิตของน้องสาวและได้พบหลักฐานที่อาจจะเชื่อได้ว่าน้องสาวเธอถูกกลั่นแกล้งจากสมาชิกภายในวง เธอจึงตัดสินใจออดิชันไปเป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 3 เพื่อสืบหาการเสียชีวิตของน้องสาวโดยได้ กล้า(เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) โอตะวง Newtype คอยช่วยเหลือจนเฟมสามารถผ่านออดิชันเป็นเมมเบอร์รุ่น 3 ได้สำเร็จ แต่นี่ยังเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น การที่เฟมจะสืบหาการเสียชีวิตของฟาน จำเป็นต้องตีสนิทกับเหล่ารุ่นพี่เซ็มบัตสึในวงให้ได้ โดยเธอต้องเป็นไอดอลที่สมบูรณ์แบบ ทำตามกฎของวงคือ รักษาภาพลักษณ์อันดีงาม ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามดื่มของมึนเมาและห้ามมีแฟน

ย้อนมาพูดถึงคำว่าโอตะ ในญี่ปุ่นเองคำนี้เป็นคำที่ค่อนมาทางด้านลบซะมากกว่าและมักจะสร้างให้มีภาพลักษณ์ให้ดูเป็นหนุ่มเนิร์ด ใส่แว่น อ้วน พูดจาติดอ่าง ดูอ่อนแอ ตัวละครอย่างกล้าที่เป็นโอตะในเรื่องก็ใช้ภาพลักษณ์คล้ายแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งดูจะเป็นการยัดเยียดภาพลักษณ์แบบนี้ว่าเป็นแฟนคลับวงไอดอล อาจจะทำให้เข้าใจว่าซีรี่ส์นี้ด่าโอตะ แต่เค้าอาจจะแค่ต้องการชี้ให้เห็นประเดนที่มีคนจำนวนนึงมองโอตะแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งคนที่มองแฟนคลับไอดอลแบบนี้ก็ถูกเอามาใส่ในตัวเบิ้ลแฟนของเฟม แต่ในซีรี่ส์เองก็จะมีตัวละครแฟนคลับที่มีภาพลักษณ์ตรงกันข้ามกับกล้าและเป็นคนช่วยอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับไอดอลด้วยมาเหมือนกัน

ผู้กำกับน่าจะจงใจใช้ความคอนทราสกันในหลายๆ เรื่องเพื่อชี้ประเด็นให้มันชัดขึ้น ตัวละครเฟมก็เป็นอีกตัวอย่างนึง เฟมอยู่ในวงร็อคซึ่งมีความ ดิบ โหด เถื่อน ไม่ได้ชอบไอดอล แถมยังมีเหตุการณ์ให้น้องสาวต้องมาเสียชีวิตเพราะไอดอลเข้าไป เพิ่มดีกรีการเกลียดชังไอดอลของเฟมเข้าไปอีก ถ้าหากว่ามีบทพูด “ อีพวกไอดอลห่วย ๆ ” มันก็คงไม่แปลกอะไร แต่สุดท้ายเฟมก็ต้องมาพยายามเป็นไอดอลที่ สดใส ร่าเริง ตอนที่ 1-2 อาจจะไม่ได้เห็นอะไรมากนัก แต่เชื่อว่าซีรี่ส์นี้จะดำเนินเรื่องไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของเฟมจากคนที่อยู่ตรงข้ามค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นไอดอลไปทีละนิดจนสุดท้ายตัวเฟมเองอาจจะรักในการเป็นไอดอลในตอนจบก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังเลือกที่จะหยิบยกประเด็น ไอดอลห้ามมีแฟน (ที่ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี ก็มีใช้กฎนี้เหมือนกัน)  ขึ้นมาผ่านตัวละครเบิ้ลที่เป็นแฟนของเฟม (2 ตอนแรกมีซีนที่อาจจะทำให้แฟนคลับหัวร้อนได้พอสมควร…ไม่ใช่แฟนคลับไอดอลนะครับ แต่แฟนคลับน้องพลอยนี่แหละ) กฎนี้อาจจะดูล้าสมัยสำหรับไทยเพราะไทยเองถ้าพูดถึงเรื่องปิดบังความสัมพันธ์ต้องย้อนไปหลายสิบปีก่อนเลย ในไทยเคยผ่านกฎนี้มานานมากแล้ว หลายๆคนก็มองว่ามันไม่ควรมีกฎนี้ แต่ก็จะมีกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนกฎนี้เหมือนกัน อาจจะเพราะคนกลุ่มนี้อยากจะเป็นแฟนครับไม่ใช่แฟนคลับ ถ้าไอดอลมีแฟนแล้วคงเลิกชอบ เลิกซัพพอร์ตไป ทำให้ไอดอลความนิยมตกลงได้ ในเรื่องตอน 1-2 ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาตรงนี้มากนัก วิจารณ์อะไรไม่ได้มากคงต้องรอติดตามตอนต่อ ๆ ไปว่าเรื่องนี้จะพาเราไปเจอคำตอบของปัญหานี้ในรูปแบบไหน

สำหรับดราม่าต่าง ๆ ในโซเชียลจากแฟนคลับที่ดูตัวอย่างซีรี่ส์แค่ไม่กี่นาที อ่านเรื่องย่อไม่กี่บรรทัดก็ตัดสินไปแล้วว่าเรื่องนี้ด่าไอดอลทำลายภาพลักษณ์ของไอดอล ก็คงไม่ได้แตกต่างจากการที่คนภายนอกมองไอดอลว่าทำตัวน่ารัก ใส ๆ แบ๊ว ๆ ดูปลอมนักหรอก มันก็คือการตัดสินบางสิ่งจากการมองเห็นแค่เพียงเปลือกนอกโดยไม่ได้สนใจถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้เปลือกนั้นแฟนคลับเองยังอยากให้คนภายนอกเข้าใจไอดอล แล้วทำไมก่อนจะด่าหรือแบน ไม่ลองเปิดใจดูซัก 3-4 ตอนก่อนบ้าง ซีรี่ส์อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรือถ้าไม่ดีจริงถึงตอนนั้นค่อยด่าก็ยังไม่สาย

ติดตามรับชม “THE DEBUT อวสานไอดอล” ทั้ง 13 EP ได้ทาง WeTV และ เว็บไซต์ www.WeTV.vip  ทุกวันอังคารและพุธ เวลา 20:00 น. เริ่มฉายตอนแรกวันที่ 16 มีนาคม 2564