รับรางวัลกันอย่างไม่ขาดสายกับภาพยนต์ เรื่อง Where We Belong ที่ตรงนั้นมีฉันหรือเปล่า ที่กวาดรางวัลมากมายจนถึงเข้าร่วมงานเดินสายตามเทศกาลภาพยนต์ในต่างประเทศ ในค่ำคืนนี้ (14กุมภาพันธุ์ พ.ศ.2563) เป็นอีกครั้งที่ภาพยนต์เรื่องนี้ได้คว้ารางวัลไปทั้งหมด 4 รางวัลจาก 9 รางวัลที่เข้าชิงใน งานสมาคมผู้กำกับแห่งประเทศไทย

ได้แก่ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม – เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ( JennisBNK48 ), รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม– ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย, รางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยม – แพรวา สุธรรมพงษ์ ( MusicBNK48 ) และ รางวัลรองชนะเลิสบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี

ทั้งนักแสดงและทีมงานได้มาเข้าร่วมลุ้นรับกัน ในระหว่างที่ขึ้นไปรับรางวัล ทั้งน้องมิวสิคและเจนนิษฐ์ได้พูดความในใจเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ด้วยความที่ Where We Belong เป็นภาพยนต์ใหญ่เรื่องแรกของพวกเธอ ซึ่งรางวัลที่ได้มาถือว่าเป็นอะไรเกินความขาดหมายของพวกเธอมาก แต่พวกเธอก็หวังว่าจะได้รับโอกาสดีๆแบบนี้อีก ทั้งนี้ทางเราได้เก็บภาพบรรยกาศน่ารักๆของน้องเบลกับน้องซูในช่วงลุ้นรับรางวัลมาฝากกัน

เปิดมากับEP.แรกก็เผยวีรกรรมความแสบจนทะลุไปติดเทรนอันดับเป็นกระแสอยู่ในช่วงหัวค่ำ นอกจากจะเป็นผลงานที่รอคอยของเหล่าแฟนคลับแล้ว ยังเป็นซีรี่ย์ที่หลายๆคนต้องพูดถึงเพราะด้วยเรื่องของระบบภายในโรงเรียน ที่สร้างเรื่องราวมาให้คนดูได้เห็นภาพที่ชัดเจน ในความแตกต่างของห้องท็อป และห้องบ๊วย หรือที่ในเรื่องพูดถึงก็คือ ห้อง A และห้อง F ที่เปิดตัวมาแนวสะท้อนสังคมในโรงเรียน ทำให้มีคนทั่วไปพูดถึงมากมายในโซเชียล

ไม่ว่าจะหวีดทั้งการแสดงของตัวละครในแต่ละบท ทั้งวีรกรรมที่ แก๊งแกะดำ ต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องจุดยืนของนักเรียนทุกๆคนในโรงเรียนว่าทุกคนมี สิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเด็กห้องไหนก็ตาม ถ้าพูดถึงแก๊งแกะดำเปรียบเสมือนกลุ่มเด็กที่เป็นกระบอกเสียงให้กับนักเรียนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมและเดือดร้อนจากระบบของ รอง ผอ.นั่นเอง หรือแม้การไฟว้กับฝีปากของ “มีน” กับ “พระแพง” ที่ดุเดือดและแทรกความกดดันและปมไว้มากมาย ทั้งความเลวร้ายของระบบการศึกษาในโรงเรียน และความต่างชนชั้นของเด็กห้องท็อปและห้องบ๊วย

เรื่อง กฎการจัดอับดับคลาสเรียน ที่ชีวิตความเป็นอยู่เห็นต่างกันได้อย่างชัดเจน และ การปลูกฝังค่านิยมแบ่งชนชั้นภายในโรงเรียน ที่เป็นการเหยียดชนชั้นระหว่างเด็กห้องท็อป กับเด็กห้องอื่น โดยเฉพาะห้องบ๊วย เพราะระบบถูกแบ่งว่าเด็กห้องท็อป จะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน คือ ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีภายในโรงเรียน และ สิทธิพิเศษมากมาย ตัดภาพมาที่เด็กห้องบ๊วย นอกจากจะไม่ได้รับความสนใจใดๆแล้ว ยังถูกสังคมมองว่าเป็นเด็กไม่มีความสามารถ หรือแม้แต่บางวิชาของ 2 คลาสนี้ก็ยังเรียนแตกต่างกัน บางวิชาเด็กห้องท็อปไม่มีความจำเป็นต้องเรียนแต่เรียนวิชาการเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่สำหรับห้องอื่นยังต้องเรียนตามหลักสูตรตามกระทรวงต่อไป

ภายใต้แรงกดดันของจากทางโรงเรียนแล้ว “พระแพง” ยังต้องเจอแรงกดจากทางบ้านที่คาดหวังในผลการเรียนของเธอ ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยากทำให้คนที่บ้านผิดหวัง เธอจึงพยายามที่จะหาทางกลับไปห้อง Aให้ได้ แม้ว่าเธอพยายามากขึ้นอีกขนาดไหนก็ตาม ส่วน “มีน”และแก๊งแกะดำ ก็อยู่ภายใต้ความกดดัน ที่ต้องถูกคนภายน้องมากเป็น “เด็กห่วย” ไม่ได้รับการยอมรับจากคนภายนอก

แต่ภายใต้แรงกดกัน ก็มีมุมน่ารักของมิตรภาพ แทรกอยู่ให้ทุกคนได้เห็นมุมเล็กๆของเด็กสาวตัวแสบอย่าง มีน แม้ว่าเธอจะดูเป็นคนห้าวในบางครั้ง แต่เธอก็มีมึมอ่อนโยนเวลาอยู่กับเพื่อนๆของเธอเหมือนกัน เธอเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถคนละด้าน หรือประโยคปิดท้ายในตัวอย่างซีรี่ย์ ที่เธอพูด “ไม่มีใครห่วยหรอก” ต่างจากสังคมของ พระแพงที่ทุกว่านาทีล้วนมีแต่การแข่งขัน พลาดก้าวเดียวมีโอกาสหลุดออกจากห้อง Aได้ทันที

นอกจากนี้ยังมีหลายเสียงพูดถึงประเด็นที่ว่าดูผ่าน Netflix แล้วเข้าถึงตัวละครและเนื้อหาได้มากกว่า เพราะเรื่องของเวลารายการ ทำให้อาจจะต้องมีเนื้อหาฉากถูกตัดออกไปบ้าง ทำให้การลำดับภาพดูไม่ต่อเนื่อง และบางเหตุการณ์ดูไม่สมเหตุสมผลในบางฉาก

ท่านสามารถรับชม The Underclass ห้องนี้ไม่มีห่วย ได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 21.30น. และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดฉากที่ถูกตัดไปสามารถไปติดตามย้อนได้ที่ Netflix หลัง 5 ทุ่ม หลังถ่ายทอดสดจบ แล้วคุณจะได้เห็นวีรกรรมสุดแสบของสาวๆโรงเรียนเลิศหล้าวิทยา ว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาของระบบจัดดับในโรงเรียนได้ไหม

11 สาชาที่เข้าชิง ได้แก่ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม / ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม / ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม /นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม / นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม / นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม / กำกับภาพยอดเยี่ยม / ลำดับภาพยอดเยี่ยม / ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม / ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม /เพลงจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

ซึ่งในค่ำคืนนี้ทางทีมงานและนักแสดงได้คว้ารางวัลไปทั้งหมด 6 รางวัลจาก 11 สาขาที่เข้าชิง บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – Bnk48 Films / Slider cat / Songsound Production , นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม – เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ์ ( JennisBNK48) , นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม – แพรวา สุธรรมพงษ์ (MusicBNK48),
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – คงเดช จาตุรันต์รัศมี , ลำดับภาพยอดเยี่ยม – ลี ชาตะเมธีกุล / หรินทร์ แพทรงไทย

ยินดีด้วยกับทางทีมงาน,ผู้กำกับ,นักแสดงทุกท่านด้วย และ น้องๆ BNK48 ที่ร่วมกันสรรค์สร้างภาพยนต์ไทยดีๆ ให้โอกาสน้องBNK48 ได้แสดงศักยภาพออกมาสู่สายตาบุคคลภายนอกมากมาย ใครที่ยังไม่เคยดูภาพยนต์เรื่อง สามารถเข้าไปติดตามดูใน Netflix แล้วคุณจะได้เห็นว่านี่ก็เป็นหนังไทยที่น่าสนใจอีกเรื่องเลยทีเดียว

กระแสตอบรับของเวอร์ชั่นนี้มาในทางบวก หรือ จะพูดง่ายๆคือ โดนตกซ้ำๆวนลูป มูฟออนเป็นวงกลมก็ว่าได้ ดูได้จากการเข้ามาไถ่ทวิตในแฮชแท็ค #MusicBNK48 คุณจะพบกับคำนิยามที่ว่า “เมโลเดียนฆ่าคนได้” ด้วยสายตาที่ดึงดูด กับ ความละมุนละไม และเสียงที่น่ารักสะกดใจคนดูจาก “มานะ” น้องเมโลเดียนของคุณแพรวานั่นเอง

อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “แอร์ทาม” ช่วงฟรีสไตล์ต่างๆของน้องที่ตกคนนับไม่ถ้วน จนนำมาตัดเป็นคลิปสั้นๆ เพื่อและแชร์ความจิกกล้องของเจ้าปีศาจน้อยเต็มไปหมด จนทำให้มีคำจัดกัดความถึงเธอมากมาย ซึ่งนี่เป็นอีกส่วนที่ทำให้คลิป cover นี้ น่าสนใจและพูดถึงมากกว่า MV หลัก

ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่าง ทั้งโลเคชั่น เมมเบอร์ และการตัดต่อ ทำให้เวอร์ชั่น Cover นี้ออกมาดูลงตัว ดูนุ่มนิ่มไปหมด ถ้าบางคนไม่โอชิน้อง ไม่รู้จัก BNK48 ดูได้ไหม? อยากให้คุณลองเปิดใจ ที่จะลองฟังเสียงเจ้าเมโลเดียนตัวนี้ ไม่ใช่ฐานะแฟนคลับ แต่เป็นเพียงผู้ฟังคนนึง แล้วคุณอาจจะเผลอฮัมเพลงนี้ออกมาไม่รู้ตัวก็ได้;)

‪【Cover】Myujikkii – Music BNK48 [Melodian Ver.]

งานประกาศรางวัลมีทั้งหมด 68 รางวัลด้วยกัน ซึ่งทั้งเหล่าแขกศิลปินรับเชิญไม่ว่านักร้อง นักแสดง ดารา สื่อออนไลน์ หลายๆช่องทาง รวมถึงเหล่าไอดอล ซึ่งในปีนี้สาวๆวง BNK48 ได้ถูกรับเชิญอีกเช่นเคย นอกจากนี้ นางสาวเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ( JennisBNK48 ) และ นางสาวแพรวา สุธรรมพงษ์ (MusicBNK48) ได้มีรายการเข้าชิงรางวัลภาพยนต์จากเรื่อง WhereWeBelong ที่ตรงนั้นมีฉันอยู่หรือเปล่า

โดยมี นาย เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือ น้าเน็ก เป็น พิธีกรดำเนินรายการซึ่งสร้างเสียงหัวเราะ และเป็นสีสันในงานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ BNK48 ได้คว้ารางวัลไปทั้งหมด 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Entertainment on Social Media สาขา Thai Movie โดยมีนักแสดง 3 คนจากเรื่อง Where We Belong เป็นตัวแทนขึ้นไปรับรางวัล คือ มิวสิค,เจนนิษฐ์ และ แพนด้า

และ รางวัล Best Entertainment on Social Media สาขาศิลปินกลุ่มยอดนิยม ในฐานะวง BNK48 โดยมีตัวแทนเมมเบอร์ขึ้นไปรับรางวัล 6 คน คือ วิว, ฟีฟ่า,เจนนิษฐ์,มิวสิค, รตา และ แพนด้า BNK48 (เรียงจากซ้ายไปขวา)

หลังจากจบงานประกาศรางวัล ได้มีการถ่ายรูปรวมผู้รับรางวัลทั้งหมด และมีการสัมภาษณ์น้องๆ BNK48 เกี่ยวกับความรู้สึก และ อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในวง รวมถึงเหตุการณ์ดราม่าที่ผ่านมา ทั้งนี้พวกเธอยังคงเชื่อว่าวงจะสามารถก้าวผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ และขอบคุณเหล่าแฟนคลับที่ยังคอยสนับสนุนพวกเธอตลอดมาจนมาถึงจุดๆ นี้ และหวังว่าพวกเขาจะคอยสนับสนุนพวกเธอต่อไป

ในวันที่ 28 ธันวามคม 2562 ได้มีประกาศพิเศษจากออฟฟิเชียลในวันแสดงเธียเตอร์ส่งท้ายปี นั่นคือ ” BNK48 3rd Generation Audition “ การรับสมัคร BNK48 รุ่นที่ 3 จากทางออฟฟิเชียล และได้ชี้แจ้งไว้บนเพจ BNK48 Official เรียบร้อยแล้ว ทางเว็ปไซด์จะเปิดให้ส่งใบสมัครออนไลน์ ที่เว็ปไซด์ https://audition.bnk48.com ตั้งแต่วันที่ 2 – 23 มกราคม 2563

สำหรับใน BNK48 รุ่นที่ 3 ทางออฟฟิเชียลได้ชี้แจงว่าในช่วง 1 ปีแรกจะเน้นกิจกรรมในเธียเตอร์ที่ BNK48 The Campus เป็นหลัก และในการ Audition ครั้งนี้ เฌอปราง BNK48 (กัปตันวง) จะเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินครั้งนี้ด้วย

เด็กสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น เมมเบอร์ของ BNK48 ตั้งแต่ยุคแรกของ BNK48 Audition ต้องผ่านการคัดเลือก แข่งกับผู้สมัครคนอื่นมากมายกว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้ น้องๆแต่ละคนที่ผ่านเข้ารอบมา ล้วนมีคาแรคเตอร์ ที่แตกต่างกันไป

ดังนั้น เราจึงได้ทำภาพไทน์ไลน์มาให้ได้ชมกัน ตั้งแต่ รุ่น 1 ถึง รุ่น 3 ว่ามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับการรับสมัครสมาชิกยังไงบ้าง ไปดูกันเลย

ในแต่ละรุ่นจะมีวิธีการคัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับทางออฟฟิเชียลว่าต้องการจะให้รุ่นนั้นมีคาแรคเตอร์โดยรวมเป็นอย่างไร รุ่นแรกได้ถูกคัดเลือกโดยกรรมการไทยและญี่ปุ่น และการคัดเลือกแบบปิดตั้งแต่การออดิชั่นรอบแรกถึงรอบสุดท้าย เหล่าแฟนคลับจะได้เห็นหน้าเมมเบอร์ทั้งรุ่นในวันเปิดตัว และได้เห็นการออดิชั่นของน้องๆ ในช่วงรายการ SENPAI เท่านั้น

สำหรับรุ่น2 ได้มีการเปิดเผยโฉมหน้าของเมมเบอร์ในรอบสุดท้าย 94 คน ผ่านโซเชียล น้องๆจะได้มาแนะนำตัวและโชว์คาแรคเตอร์ความเป็นตัวเอง ผ่านคลิปแนะนำตัวสั้นๆ เพื่อให้แฟนคลับรู้จักตัวตนมากเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ทางออฟฟิตเชียลยังได้จัดคิวให้น้องๆ ทั้ง 94 คน ไปเปิดตัวที่ Digital Live Studio (ตู้ปลา) ณ ห้าง Emquartier เพื่อเปิดโอกาสให้น้องได้โชว์ศักยภาพตัวเองให้มากที่สุด เพราะกิจกรรมที่ตู้ปลาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลักที่เมมเบอร์ BNK48 ทุกคนต้องไป เพื่อโปรโมทตัวเอง และทำให้แฟนคลับรู้จักน้องๆ มากขึ้น กิจกรรมทุกอย่างมีความเกี่ยวข้อง และมีผลต่อการคัดเลือกไปสู่การเป็นเมมเบอร์ของวง

สำหรับในปีหน้า ก็มาถึงแล้ว การเริ่มต้นของรุ่นที่ 3 น้องๆ หรือเด็กสาวที่มีความฝัน อยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ อย่าลืมส่งใบสมัครเข้ามากันนะ เปิดลองโอกาสให้ตัวคุณ มีกิจกรรม และโอกาสมากมายที่คาดไม่ถึงรอคุณอยู่ ไม่แน่นะคุณอาจเป็นอีกคนที่มีโอกาสได้ใช้ นามสกุล BNK48 ในรุ่นที่ 3 ก็ได้

เสาร์และอาทิตย์ที่ 21-22 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีอีเว้นท์พิเศษ Mimigumo 1st Fanmeet “Secret of Mimigumo” งานแฟนมีตครั้งแรกของ Mimigumo ยูนิตก้อนเมฆมีหูทั้ง 3 สุดน่ารัก ที่คุณจะถูกต้องมนตร์สะกด พร้อมรับชมโชว์สุดพิเศษที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และจะมีให้ดูเฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น รวมถึงร่วมเล่นเกมต่าง ๆ ร่วมกับ ไข่มุก มิวสิค และจ๋า ทั้ง 3 คน โดยงานนี้ถูกจัดขึ้นที่ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน โดยทีมงาน IDOLTH ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานในฐานะแฟนคลับ จึงได้นำความรู้สึกต่างๆ มาบอกเล่าให้ฟังเพื่อนๆ ได้ชมกันครับ

ภาพที่เห็นตอนไฟปิดมีแต่แสงจากแท่งไฟเชียร์ จากเหล่าแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ “มิมิกุโมะ” งานเริ่มต้นด้วยการเปิด วิดีโอชี้แจ้งกฎต่างๆของการรับชมการแสดง โดยมี น้องๆ (ไข่มุก BNK48 , มิวสิค BNK48 และจ๋า BNK48) เป็นผู้ชี้แจ้งรายละเอียดในคลิปว่า ผู้ร่วมปาร์ตี้น้ำชาในวันนี้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

เพลงแรกที่เปิดตัวคือ เพลงCandy และเพลง Heart Gata Virus

Myujikkii~ ความพิเศษของเพลงนี้คือ มิวจิกกี้ที่เห็นทั่วไปน้องจะ “นั่ง” ลงไปกับพื้นเวทีแต่สำหรับงานแฟนมีต มิวจิกกี้ “นอน” เลยจ้า~~ ระหว่างเพลงน้องมิวสิค เดินมาเล่นกับแฟนๆที่นั่งอยู่โซนด้านล่าง เรียกได้ว่า ทุกคนได้เห็นมิวจิกกี้ เวอร์ชั่น Full HD ทำเอาเหล่าแฟนๆล้มหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว

ในส่วนของเพลงที่แสดง จะมีความเกี่ยวกับ Concept งานที่มีชื่อว่า Secret of Mimigumo แปลออกมาว่า “อะไรคือ ความลับ ของมิมิกุโมะ” ซึ่งน้องๆ ก็ได้เล่าตั้งแต่ที่มาของ Concept จนการแบ่งงานของทั้ง 3 คนว่า จ๋า-คิดเกม / ไข่มุก-ออกแบบเวที / มิวสิค-performance ต่างๆ

นอกจากนี้น้องๆ ยังได้มีการเล่นดนตรีประกอบการแสดงบนสเตจอีกด้วย น้องไข่มุก – อูคูเลเล่ / มิวสิค – เมโลเดียน / จ๋า – ฟลุท ด้วยความลงตัวของน้องๆ ทั้ง 3 คน ทำให้เห็นถึงความตั้งใจ สายตาที่มุ่งมั่นผ่านการเล่นดนตรีของแต่ละคน นอกจากนี้ในส่วนของบางเพลงก็ได้มีการจอยระหว่างวงดนตรีพิเศษที่เชิญมา เล่นร่วมกับน้องๆในบางเพลง

ช่วงพักเล่นเกมแต่ละเบรค น้องๆได้เชิญยูนิตพิเศษมาเพิ่มสีสันในงานนี้มี ปูเป้ น้ำหนึ่ง และ น้ำใส เรียกได้ว่าเพิ่มเสียงหัวเราะกันจนท้องแข็งกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

สำหรับแต่ละเกมที่น้องๆเลือกมาเพื่อขอบคุณแฟนคลับ และอยากใกล้ชิดแฟนคลับให้มากเท่าที่จะทำได้ ใครที่เป็นผู้โชคดีได้ขึ้นไปเล่นเกมกับน้องๆ ล้วนได้รอยยิ้มและเสียอาการกันไปต่างๆนานา เพราะของรางวัลที่ได้ล้วนมาจากฝีมือน้องๆทั้ง3คนนั่นเอง

สำหรับเพลงพิเศษหลังช่วงอังกอร์ แฟนคลับถึงกับสตั้นกันเลย เมื่อเจอยูนิต มิมิกุโมะในอีกมุมมองนึง ในเพลง Kiss Wa Dame Yo แม้ในความหวานกุ๊กกิ๊กของยูนิตนี้ ก็ยังมีความแซ่บและสตรองแฝงอยู่เช่นกัน ทั้งชุดและท่าเต้นที่ดัดแปลงใหม่ น้องๆทำออกมาได้ดีมาก และมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งท้ายไว้เป็นฉีกกระดาษบางอย่างบนเวที ซึ่งน้องๆได้เฉลยในตอนท้ายว่า…..

“มันคือกระดาษข้อสอบค่ะ”

Seifuku No Bambi เป็น เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ได้เห็นมุมน่ารักๆของสาวมิมิกุโมะ น้องๆได้ร้องเพลงนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายเชิงแอบรักรุ่นพี่ แต่ไม่กล้าบอกได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ นอกจากนี้น้องๆได้แต่งตัวเป็นชุดกระโปรงยาวพร้อมติดหูกวางเล็กมาด้วย

และเพลงใหม่ที่ได้ฟังอีกเพลงคือ….
“Mimigumo” (Original Song) ออริจินอลที่ร้อยเรียงจากความหมายของมิมิกูโมะ จากเมมเบอร์ทั้ง3คนในยูนิตนี้ จนเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมา เรียกว่าเป็น “เพลงชาติ” ของยูนิตเลย ถ้าใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงตอนเพลงก่อนจะเปิดตัวมิมิกุโมะนั่นแหละคับ Intro ของเพลง Mimigumo

ในช่วงท้ายน้องได้ออกมาเต้นเพลง77ดินแดนแสนวิเศษ และลงมาทักทายและขอบคุณแฟนคลับทั้งชั้นบน และชั้นล่างอีกครั้ง ก่อนจะจากลากันด้วยเพลงคริตมัส และเพลงคนที่ฟ้าส่งมาให้รักกัน น้องๆได้ขอบคุณและพูดความในใจกัน ถึงความรู้สึกที่ผ่านมากว่าจะเป็นวันนี้ต้องซ้อม ต้องทำงานหนัก และทุ้มเทขนาดไหน และชุดตอนท้ายที่น้องใส่ออกมาคือ เสื้อยืด MIMIGUMO ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นและน้องเขียนกันด้วยตัวเอง พูดง่ายๆคือน้องเพ้นเสื้อใส่กันเองคับ ส่วนของกระโปรง น้องมิวสิคเป็นคนออกแบบเอง และสีที่เลือกมาใช้ก็เป็นจากคาแร็คเตอร์ เจ้าก่อนเมฆที่แทนตัวน้องๆแต่ละคนนั่นเอง

หลังจากจบการแสดง น้องได้ออกมารอส่งแฟนคลับด้านทางออก พร้อมทั้งแจกขนมให้กับแฟนๆลองชิมกัน เห็นแล้วก็นึกนึกถึงใน MV ที่คุณไข่พูดว่า “มาทำลูกอมแห่งความสุขให้ทุกคนกันเถอะ” แล้วทุกคนที่มางานนี้หล่ะ ได้รับรอยยิ้มและความสุขอย่างที่ จากสาวๆมิมิกูโมะบอกหรือเปล่า ยิ้มกันอยู่หล่ะสิ ทั้งเหล่า VIP และ แฟนคลับทุกคน

นี้เป็นบทความจากความรู้สึกของผมในฐานะผู้ชมคนนึงอาจจะมีตกหล่น หรือผิดพลาดประกาศใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ