ผ่านไปแล้วกับ “ HatoBito Music Bar On Ground ” ซึ่งเป็น  Private Event แรกของวง HatoBito จัดขึ้นที่ Brownstone อ่อนนุช เมื่อวันเสาร์ ที่ 20 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างดี โดยบัตรเข้าชมแบบจำกัดจำนวน 60 ที่นั่ง จำหน่ายหมดในรอบแรกภายในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น และบัตรหลุดการจองที่นำมาจำหน่ายในรอบที่สอง 7 ที่นั่งก็หมดภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที!

สำหรับบัตรเข้าชมมีจำหน่าย 2 ราคา แบ่งเป็นราคาบัตร Standard Ticket ราคา 500 บาท จะได้รับบัตรเข้าชมและ Welcome Drink by Chef Sai  และราคาบัตร Divin’ Band Ticket ราคา 850 บาท จะได่รับบัตรเข้าชม Welcome Drink และเสื้อ Divin’ Band รุ่นที่ 1 จำนวน 1 ตัว

งาน HatoBito Music Bar On Ground ครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากรายการ HatoBito Music Bar ที่ไลฟ์สดผ่านเพจทางการของวงทุกวันศุกร์ โดยเริ่มไลฟ์ครั้งแรกเมื่อ 15 มกราคม พ.ศ.2564 และกำเนิดเป็น Divin’ Band วงดนตรีดำน้ำ ที่ร้องถูกผิดไม่รู้แต่ลากจนจบได้ละกัน ซึ่งมีสมาชิกหลักประกอบไปด้วย Khaosuay Belle ร้องนำ Pie คีย์บอร์ด Friend กีตาร์ และ Sign มือกลอง โดยมีสมาชิกในวงคนอื่นได้แก่ Airi Ben Khem Summer Mild และ Sai สลับกันรับเชิญมาร่วมบรรเลงบทเพลงเพราะ ๆ ในทุกสัปดาห์ จนมีแฟนคลับสอบถามถึงการเปิดขายตั๋วเพื่อฟังดนตรีแบบสด ๆ ในสตู เมื่อแฟน ๆ กล้าขอ ทางวงก็กล้าจัดให้ จนกลายเป็นปฏิบัติการณ์เตรียมงานและซ้อมดำน้ำ 30 เพลงใน 14 วันของ Dinvin’ Band เพื่อครอบครัวชาวฮาโตะนี้ขึ้นมา

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ซึ่งผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมทุกท่านจะได้รับ welcome drink by chef ที่ชงกันแก้วต่อแก้วโดย Chef Sai และ Summer เป็นเครื่องดื่มเบอรี่โซดาซาบซ่าให้ตื่นกันก่อนเข้างานเลย หรือถ้ายังสดชื่นไม่พอ สามารถซื้อเครื่องดื่มเมนูพิเศษที่คิดโดยสมาชิกในวงอีกสามรายการในราคาเพียงแก้วละ 59 บาท สำหรับใครที่อยากทานขนมเบา ๆ รองท้อง สามารถอุดหนุนขนมขบเคี้ยวจากแม่ค้าสุดสวย Airi และ Mild ได้เลย แต่ถ้าใครอยากทานอะไรที่อยู่ท้อง สาวบางโพธิ์ Khem และ Ben ขนลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอก ไส้ย่าง ปลาหมึก มาขายเต็มคันรถในราคาย่อมเยาว์เพียงไม้ละ 15 บาทเท่านั้น โดยเฉพาะไส้ย่างถือเป็นเมนูเด็ดที่ขายดิบขายดีจนหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตกถึงท้องของ Pie ผู้โดนทีมงานห้ามแฟนคลับให้อาหารเป็นกรณีพิเศษ

สิ่งที่พิเศษสำหรับงานนี้สำหรับแฟนคลับ และค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับงานไอดอลคือ สามารถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้างานได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะทีมงานและสมาชิกวงไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มนะจ๊ะ ส่วนแฟนคลับถึงจะดื่มได้ แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และสนุกไปกับงานกันอย่างเต็มที่เลยที่เดียว

ทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้าสู่ฮอลล์ ก็สัมผัสถึงบรรยากาศมิวสิคบาร์ได้ด้วยไฟสีม่วงและแอร์เย็น ๆ เวทียกระดับจากพื้น 1 ฟุต มีเชือกกั้นระหว่างเวทีและโซนผู้ชม แต่ยังรู้สึกถึงความใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี ผู้ชม 60 คนแต่พื้นที่ในฮอลล์ยังเหลือเฟือให้ยืนชมและกระโดดได้เต็มที่

หลังจากนั้นคือเวลาจัดเต็มของ Divin’ Band ในเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่ขนเอาทั้งเพลงยุค 20’s และเพลงยุคปัจจุบันมาดำน้ำไปพร้อมกับแฟน ๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนก็สามารถร้องตามได้ทุกเพลงไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน อาทิเพลง เกี่ยวกันไหม เหงาเหงา จำทำไม ฤดูที่ฉันเหงา ลงใจ สองรัก เล่นของสูง เพียงกระซิบ ที่ขับร้องโดยนักร้องนำของวง Khaosuay และ Belle ฟังเสียงหวาน ๆ กับเพลง เหนื่อยไหมหัวใจ สักวันฉันจะดีพอ ที่ร้องโดย Sai และอินไปกับเพลง พรหมลิขิต จาก Mild มาเติมความสดใสกับเพลง Heartbeat ที่ร้องโดย Khem center ของเพลงนี้ เปลี่ยนเป็นจังหวะร๊อคด้วยเพลง อย่างน้อย คุกเข่า กับ Summer กัปตัน Airi ที่มาชวนตะโกนกับเพลง ฤดูร้อน หรือจะโจ๊ะ ๆ ไปกับ Ben ในเพลง Playgirl และอีกสิบกว่าเพลง ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าตั๋ว เต็มอิ่มกับความสนุก ความฮาและความมันส์กับประสบการณ์ทางดนตรีที่หาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอน

ระหว่างการแสดงแฟนคลับสามารถให้กำลังใจนักดนตรีด้วยการซื้อดอกกุหลาบมอบให้ในราคาดอกละ 50 บาท ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็แอบคิดนะว่า แพงจัง ทำไมขายอาหาร เครื่องดื่มถูก ๆ แต่ขายดอกไม้แพงขนาดนี้ แถมยังดูเชยจังเลย แต่พอทีมงานบอกว่ารายได้ของดอกไม้จะให้กับสมาชิกวงแบบเต็มจำนวนโดยไม่หักจากออฟฟิเชียลแค่นั้นแหละ มีกี่ดอกก็หมด

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่สิ้นสุด หลังจบการแสดงก็ได้เวลาจากลากัน น้อง ๆ ทุกคนก็ได้ออกมาให้ถ่ายรูปและพูดคุยกับแฟนคลับอย่างเป็นกันเองที่แบคดรอปด้านหน้า ที่ทำจากโปสเตอร์ของงานมาประกอบกัน และยังให้แฟนคลับเก็บโปสเตอร์แบคดรอปติดไม้ติดมือกลับบ้านกันด้วย ปิดงานด้วยความสุขและความประทับใจกันถ้วนหน้า  ได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่าจะจัดงาน music bar on ground ให้ได้ไตรมาศละครั้ง เชื่อแน่ว่าถ้ามีงานครั้งหน้าต้องขยับขยายพื้นที่ เพราะบัตรรอบหน้าอาจขายหมดภายใน 1 นาทีก็เป็นได้

สำหรับใครที่อยากติดตามน้องๆ Hatobito สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/hatobito

จบไปแล้วกับกิจกรรม HatoBito White Day ที่ทางไอดอลวง Hatobito ได้จัดขึ้นเมื่อ
วันที่ 14 มีนาคม 2021 ที่ ลานสกายวอร์ค แยกปทุมวัน หรือ ลายสกายวอร์คห้าง MBK Center

สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น เป็นกิจกรรมที่ให้แฟนคลับได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับน้องๆ ไอดอลวง Hatabito แบบครบทั้งวง หลังจากที่ห่างหายจากกิจกรรมไปนาน โดยงานนี้แฟนคลับสามารถนำของขวัญใดๆ ก็ได้มามอบให้กับน้องๆ เนื่องในโอกาสวันไวท์เดย์ และพิเศษสุดๆ ที่จะได้รับของขวัญตอบแทนจากน้องๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นเซอร์ไพซ์กันทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่งแฟนคลับที่จะได้ลุ้นว่าเมมเบอร์จะทำของอะไรมาให้ รวมถึงเมมเบอร์ก็ลุ้นด้วยว่าพี่ๆ แฟนคลับจะนำอะไรมาให้

โดยในวันนี้ น้องๆ ทุกคนมาในธีม ชุดสีขาว น่ารักสดใส ตามสไตล์ของแต่ละคน
และนอกจากกิจกรรมแลกของขวัญแล้ว งานนี้ทีมงาน ก็มีเซอร์ไพรส์ให้กับน้องๆ และเหล่าแฟนคลับอีกด้วย

นั่นคือ การประกาศเพลงรอง ทั้ง 2 เพลง โดยเพลงแรก Open world ที่ได้
แก๊ก Slot Machine และ ชนม์ Slot Machine มาช่วยทำดนตรี
และได้ ซินธ์ The X factor มาเขียนเนื้อร้องให้ โดยมีเมมเบอร์ทั้งหมด 7 คน สำหรับเพลงนี้ได้แก่ Khaosauy khem Sign Friend AIRI และ ดับเบิ้ลเซนเตอร์ได้แก่ Sai และ Pie

ส่วนอีกเพลงคือ Forget me not ที่พาร์ทดนตรียังคงเป็น แก๊ก Slot Machine และ ชนม์ Slot Machine เป็นผู้ทำให้ ส่วนเนื้อร้องได้ โต Mirrr มาเขียนเนื้อให้ โดยมีเมมเบอร์ ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ Sign Khaosauy Airi Mild Ben Summer และเซ็นเตอร์ คือ Belle

“THE DEBUT หรือ เดอะ เดบิวต์..อวสานไอดอล” ซีรี่ส์เรื่องใหม่ของ กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส และ WeTV เป็นซีรี่ส์ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์สืบสวนสอบสวน เสียดสีสังคม โดยมีธีมหลักในการดำเนินเรื่องเป็นไอดอลสาววงหนึ่ง ซึ่ง THE DEBUT ได้หยิบยกเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของวงไอดอลไทยที่เป็นวงน้องสาวของไอดอลที่ญี่ปุ่นมาใช้ในเรื่องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ระบบเซ็มบัตสึ เธียเตอร์ งานเลือกตั้ง งานจับมือ เอากิมมิคบางส่วนมาใช้ หรือแม้กระทั้งใช้ชื่อแฟนคลับของวง Newtype ว่า “โอตะ” อาจจะเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกคุ้นเคย และเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น ไม่แปลกใจถ้าจะมีกลุ่มแฟนคลับรู้สึกไม่ดีหรือต่อว่า ว่าเลียนแบบวงที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ด้วยการที่หนังเป็นแนวเสียดสียังไงก็ต้องมีการหยิบยืมมาใช้เพิ่มเติมเสริมแต่งบ้างเป็นปกติ

ตัวซีรี่ส์เปิดเรื่องมาด้วยเสียงเชียร์ของเหล่าโอตะและเสียงเพลงสดใสบนสเตจของวง Newtype ซึ่งมีเซ็มบัตสึ (สมาชิกตัวหลักของวง) เป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 1 คือ หยก(เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย) กัปตันวง, สไมล์(เชอรีน ณัฐจารี หรเวชกุล) เซ็นเตอร์วง, ยูอิ(นารา เทพนุภา), คิริน(แคท นาเดียร์ มงก๊อด), มินนี่(จ๋อมแจ๋ม สุพิชชา สุบรรณพงษ์) รุ่นที่ 2 ไมเนอร์(ปั๋น ดริสา การพจน์) และ ฟาน(ฟิล์ม รชานันท์ มหาวรรณ์) ตัดสลับกับภาพการเสียชีวิตของฟานหนึ่งในเมมเบอร์ของวง

เดอะ เดบิวท์ ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักคือ เฟม(พลอย พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) สาวร็อคคสุดเซอร์ เธอชอบดื่มของมึนเมา สบถคำหยาบเป็นเรื่องปกติ และมีแฟน คือ เบิ้ล(เก้า จิรายุ ละอองมณี) ฟานเป็นน้องของเฟม เธอกับเฟมต่างกันเหมือนคนละขั้ว  ฟานเป็นสาวน้อยน่ารักสดใสที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นไอดอล อยากยืนอยู่บนเวทีเดียวกันกับไอดอลที่เธอชื่นชม เธอพยายามฝึกร้องฝึกเต้นจนในที่สุดเธอได้เข้าไปเป็นไอดอลเมมเบอร์รุ่นที่ 2 ของวง “Newtype” วงไอดอลที่เป็นความฝันของเธอ….แต่ก็เป็นความฝันที่ทำให้เธอต้องจบชีวิตของตัวเธอเองด้วยเช่นกัน

เฟมเสียใจกับการเสียชีวิตของน้องสาวและได้พบหลักฐานที่อาจจะเชื่อได้ว่าน้องสาวเธอถูกกลั่นแกล้งจากสมาชิกภายในวง เธอจึงตัดสินใจออดิชันไปเป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 3 เพื่อสืบหาการเสียชีวิตของน้องสาวโดยได้ กล้า(เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) โอตะวง Newtype คอยช่วยเหลือจนเฟมสามารถผ่านออดิชันเป็นเมมเบอร์รุ่น 3 ได้สำเร็จ แต่นี่ยังเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น การที่เฟมจะสืบหาการเสียชีวิตของฟาน จำเป็นต้องตีสนิทกับเหล่ารุ่นพี่เซ็มบัตสึในวงให้ได้ โดยเธอต้องเป็นไอดอลที่สมบูรณ์แบบ ทำตามกฎของวงคือ รักษาภาพลักษณ์อันดีงาม ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามดื่มของมึนเมาและห้ามมีแฟน

ย้อนมาพูดถึงคำว่าโอตะ ในญี่ปุ่นเองคำนี้เป็นคำที่ค่อนมาทางด้านลบซะมากกว่าและมักจะสร้างให้มีภาพลักษณ์ให้ดูเป็นหนุ่มเนิร์ด ใส่แว่น อ้วน พูดจาติดอ่าง ดูอ่อนแอ ตัวละครอย่างกล้าที่เป็นโอตะในเรื่องก็ใช้ภาพลักษณ์คล้ายแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งดูจะเป็นการยัดเยียดภาพลักษณ์แบบนี้ว่าเป็นแฟนคลับวงไอดอล อาจจะทำให้เข้าใจว่าซีรี่ส์นี้ด่าโอตะ แต่เค้าอาจจะแค่ต้องการชี้ให้เห็นประเดนที่มีคนจำนวนนึงมองโอตะแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งคนที่มองแฟนคลับไอดอลแบบนี้ก็ถูกเอามาใส่ในตัวเบิ้ลแฟนของเฟม แต่ในซีรี่ส์เองก็จะมีตัวละครแฟนคลับที่มีภาพลักษณ์ตรงกันข้ามกับกล้าและเป็นคนช่วยอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับไอดอลด้วยมาเหมือนกัน

ผู้กำกับน่าจะจงใจใช้ความคอนทราสกันในหลายๆ เรื่องเพื่อชี้ประเด็นให้มันชัดขึ้น ตัวละครเฟมก็เป็นอีกตัวอย่างนึง เฟมอยู่ในวงร็อคซึ่งมีความ ดิบ โหด เถื่อน ไม่ได้ชอบไอดอล แถมยังมีเหตุการณ์ให้น้องสาวต้องมาเสียชีวิตเพราะไอดอลเข้าไป เพิ่มดีกรีการเกลียดชังไอดอลของเฟมเข้าไปอีก ถ้าหากว่ามีบทพูด “ อีพวกไอดอลห่วย ๆ ” มันก็คงไม่แปลกอะไร แต่สุดท้ายเฟมก็ต้องมาพยายามเป็นไอดอลที่ สดใส ร่าเริง ตอนที่ 1-2 อาจจะไม่ได้เห็นอะไรมากนัก แต่เชื่อว่าซีรี่ส์นี้จะดำเนินเรื่องไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของเฟมจากคนที่อยู่ตรงข้ามค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นไอดอลไปทีละนิดจนสุดท้ายตัวเฟมเองอาจจะรักในการเป็นไอดอลในตอนจบก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังเลือกที่จะหยิบยกประเด็น ไอดอลห้ามมีแฟน (ที่ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี ก็มีใช้กฎนี้เหมือนกัน)  ขึ้นมาผ่านตัวละครเบิ้ลที่เป็นแฟนของเฟม (2 ตอนแรกมีซีนที่อาจจะทำให้แฟนคลับหัวร้อนได้พอสมควร…ไม่ใช่แฟนคลับไอดอลนะครับ แต่แฟนคลับน้องพลอยนี่แหละ) กฎนี้อาจจะดูล้าสมัยสำหรับไทยเพราะไทยเองถ้าพูดถึงเรื่องปิดบังความสัมพันธ์ต้องย้อนไปหลายสิบปีก่อนเลย ในไทยเคยผ่านกฎนี้มานานมากแล้ว หลายๆคนก็มองว่ามันไม่ควรมีกฎนี้ แต่ก็จะมีกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนกฎนี้เหมือนกัน อาจจะเพราะคนกลุ่มนี้อยากจะเป็นแฟนครับไม่ใช่แฟนคลับ ถ้าไอดอลมีแฟนแล้วคงเลิกชอบ เลิกซัพพอร์ตไป ทำให้ไอดอลความนิยมตกลงได้ ในเรื่องตอน 1-2 ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาตรงนี้มากนัก วิจารณ์อะไรไม่ได้มากคงต้องรอติดตามตอนต่อ ๆ ไปว่าเรื่องนี้จะพาเราไปเจอคำตอบของปัญหานี้ในรูปแบบไหน

สำหรับดราม่าต่าง ๆ ในโซเชียลจากแฟนคลับที่ดูตัวอย่างซีรี่ส์แค่ไม่กี่นาที อ่านเรื่องย่อไม่กี่บรรทัดก็ตัดสินไปแล้วว่าเรื่องนี้ด่าไอดอลทำลายภาพลักษณ์ของไอดอล ก็คงไม่ได้แตกต่างจากการที่คนภายนอกมองไอดอลว่าทำตัวน่ารัก ใส ๆ แบ๊ว ๆ ดูปลอมนักหรอก มันก็คือการตัดสินบางสิ่งจากการมองเห็นแค่เพียงเปลือกนอกโดยไม่ได้สนใจถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้เปลือกนั้นแฟนคลับเองยังอยากให้คนภายนอกเข้าใจไอดอล แล้วทำไมก่อนจะด่าหรือแบน ไม่ลองเปิดใจดูซัก 3-4 ตอนก่อนบ้าง ซีรี่ส์อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรือถ้าไม่ดีจริงถึงตอนนั้นค่อยด่าก็ยังไม่สาย

ติดตามรับชม “THE DEBUT อวสานไอดอล” ทั้ง 13 EP ได้ทาง WeTV และ เว็บไซต์ www.WeTV.vip  ทุกวันอังคารและพุธ เวลา 20:00 น. เริ่มฉายตอนแรกวันที่ 16 มีนาคม 2564

15 พฤศจิกายน กับเทศกาลงานวัดญี่ปุ่น ที่จัดโดย บริษัท สเปซไอดอล จำกัด อีกหนึ่งผู้จัดงานไอดอลที่เคยมีผลงานในการจัดคอนเสิร์ท Space IDOL Music FEST ให้กับเหล่าไอดอลในช่วงโควิด-19 เมื่อกลางปีที่ผ่านมา มาวันนี้เขาได้ทำการเนรมิตลานกว้าง (ลานสีฟ้า) ใจกลางสยามสแควร์ เพื่อจัดเป็นเทศกาลงานวัดญี่ปุ่น ให้เหล่าไอดอลมากมายหลายวงได้มาออกบูธกิจกรรม เกมส์โซน เพื่อพบปะกับแฟนๆ พร้อมด้วยคอนเสิร์ทแบบ Full Scale ที่จัดเต็มทั้ง แสง สี เสียง อย่างจุใจกันเลยทีเดียว แน่นอนว่างานใหญ่แบบนี้ทีมงาน IDOLTH ก็ไม่พลาดที่จะได้มีโอกาสไปร่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ที่อาจจะพลาดโอกาสมาร่วมงานในครั้งนี้ ได้ไปชมบรรยากาศภายในงานกัน !

งาน Siam Matsuri 2020 เริ่มเปิดให้เข้างานกันตั้งแต่ 11 โมง ซึ่งการเข้าเล่นกิจกรรมในทุกบูธจำเป็นต้องใช้คูปอง ซึ่งสามารถแลกซื้อได้ที่จุด Coupon Exchange โดยราคาการเล่นกิจกรรมจะเท่ากันทุกบูธคือ 100 บาท / 1 เกมส์ รวมไปถึงการซื้ออาหารและเครื่องดื่มภายในงานก็จำเป็นต้องใช้คูปองด้วยเช่นกัน (ภายในงานไม่รับเงินสด) โดยแฟนคลับทุกคนที่มางานก็เริ่มต้นกันที่บูธนี้นั้นเอง โดยคูปองสามารถแลกคืนได้ แต่ต้องนำมาแลกคืนก่อน 3 ทุ่ม

หลังจากได้คูปองเป็นที่เรียบร้อย เราก็พาไปตะลุยตามบูธกิจกรรมต่างๆ ของน้องๆ ไอดอล ที่งานนี้ขนไอดอลกันมามากมาย รวมไปถึงยังมีแขกรับเชิญพิเศษของแต่ละค่ายที่มาเซอร์ไพซ์แฟนคลับกันอีกด้วย โดยบูธจะถูกแบ่ง 8 บูธด้วยกัน ซึ่งในแต่ละบูธก็จะมีกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ซ้ำกัน อาทิเช่น ยิงธนู ช้อนปลาทอง โยนห่วง ปากระป๋อง ปาลูกดอก ปาลูกบอล โยนลูกบอล ซึ่งยกคอนเซ็บเกมส์ต่างๆ จากงานวัดญี่ปุ่นมานั้นเอง

และแน่นอนว่าในทุกบูธกิจกรรมก็จะมีเหล่าน้องๆ ไอดอลหมุนเวียนมาประจำกันที่บูธเพื่ออธิบายกฏ กติกาของกิจกรรมประจำบูธให้กับแฟนๆ รวมไปถึงยังสามารถพูดคุยกันกับน้องๆ ไอดอลอย่างใกล้ชิดในช่วงเล่นเกมส์อีกด้วย และรางวัลสำหรับผู้ชนะเกมส์ ก็จะได้ซองสุ่ม Photoset ซึ่งเป็น Photoset ชุดพิเศษ Siam Matsuri 2020 ที่จะไม่มีขายที่ไหน แต่ความยากคือ รูปที่สุ่มจะมาจากเมมเบอร์ของไอดอลทุกวงหลักที่มาร่วมงาน Siam Matsuri 2020 ในครั้งนี้ เรียกได้ว่า ต้องดวงดีจริงๆ ถึงจะเปิดได้โอชิของตัวเอง หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถนำไปเทรดแลกกับเพื่อนๆ แฟนคลับด้วยกันได้

แน่นอนว่างานเริ่มตั้งแต่เที่ยง ด้วยวันที่อากาศแจ่มใส แต่ถึงแดดจะเปรี้ยงขนาดนี้ แต่เหล่าแฟนคลับก็ทยอยเข้าร่วมกิจกรรมตามบูธต่างๆ อย่างไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กับการแสดง Live Concert บนเวที ซึ่งเริ่มการแสดงตั้งแต่เวลา 15.30 น. รันยาวๆ จนงานจบเลยทีเดียว

เปิดด้วยไอดอลวง AKIRA-KURO และ Shinging Star ที่ขนเพลงมาเล่นโชว์กันแบบจัดเต็ม

ต่อด้วยการแสดงจากค่าย Merry Go Sound ที่ขนเหล่าไอดอลมาแสดงถึง 3 วงด้วยกัน เริ่มด้วย MGS Trainee ที่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่น้องๆ ได้ขึ้นแสดงบนเวทีใหญ่ โดยได้เลือกเพลง ตึกตัก ของรุ่นพี่วง Daisy Daisy มาแสดง ต่อด้วยวงไอดอลสุดเท่อย่าง ASTER ที่จัดเต็มกับการแสดง และปิดท้ายด้วยวงพี่อย่าง Daisy Daisy ที่เลือกใส่ชุดสีขาว-ทอง ที่ไม่ได้ใส่ออกงานมานานแล้ว พร้อมกับประกาศสำคัญอย่างการเปิด Teaser ของซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด

แน่นอนว่าการแสดงยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะเรายังได้สนุกกันต่อกับไอดอลผู้มี Signature ในด้านงานวัด วงน้องสาวของวง FESTIVE อย่าง SUMOMO ที่ขนเพลงสนุกๆ มาเล่นเพียบ สร้างความคึกคักให้กับเทศกาลงานวัดครั้งนี้เป็นอย่างมากอีกด้วย

HIGHLIGHT

จากนั้นก็เป็นไฮไลท์สำคัญของงานนี้ นั้นก็คือ Debut Stage ของไอดอลวง Hatobito (ฮาโตะบิโตะ) ที่จะเรียกว่าเป็นแม่งานของงานนี้เลยก็ได้ ที่จะได้ขึ้นเวทีแสดงโชว์เป็นครั้งแรก รวมไปถึงเป็นการออกงานของไอดอลครบทั้ง 11 คนเป็นครั้งแรกอีกด้วย หลังจากที่ซุ่มซ้อมกันมานานถึง 9 เดือนเต็ม

งานนี้นอกจากจะได้ชมการแสดงครั้งแรกเพลง Heart Beat จากสาวๆ Hatobito แล้ว ยังมีการนำเพลงทั้งจากค่าย Music Box และ GMM มาเล่นให้แฟนๆ ได้สนุกกันแบบเมดเลย์กันเลยทีเดียว แถมยังมีเซอร์ไพซ์ที่ คุณที Jetset’er เจ้าของเพลง เธอเก่ง ที่สาวๆ Hatobito ได้นำมาร้องอีกด้วย

และยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เรายังมีไอดอลอีก 2 วง ที่จะมาโชว์ปิดท้าย กับ Siam Dream และ FEVER ที่ได้ขนเพลงมาแบบจัดเต็มให้แฟนๆ ได้สนุกกันแบบสุดเหวียงเลยทีเดียว

พร้อมกันนี้กับเซอร์ไพซ์ประกาศซิงเกิ้ลใหม่ของ Siam Dream กับเพลง Wall Flower อีกด้วย

สรุปงานโดยรวม

สำหรับงานโดยภาพรวมนั้น ถือว่าจัดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบริเวณลานที่จัดงานในช่วงเที่ยง อากาศจะค่อนข้างร้อนมาก แถมยังเปิดรับแดดกันไปเต็มๆ แต่พอช่วงหลังจาก บ่าย 3 เป็นต้นไป ก็เริ่มร่มขึ้นเรื่อยๆ และแทนที่ด้วยความดุเดือดของการเชียร์เพลงไอดอลกันอย่างคึกคัก ต้องบอกเลยว่า การจัดไฟเวที และระบบเสียงทำได้ดีมาก ไม่แพ้งาน Concert Festival ที่เคยจัดกลางสยามงานอื่นๆ เลย ซึ่งการที่จัดใจกลางสยามแบบนี้ ก็ทำให้สามารถเรียกเหล่าคนนอกที่ได้ยินเสียงเพลง แวะเข้ามาดูชมกันได้พอสมควร การแบ่งบูธและพื้นที่หน้าบูธอาจจะแคบไปหน่อย แต่ก็มีแนวรั้วกั้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้จัดแถวได้ง่ายไม่เกิดปัญหาในการเข้าคิวนัก ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าทางผู้จัดค่อนข้างคิดมาดีพอสมควรในการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด และลดดราม่าไปได้เยอะพอควร

แน่นอนว่างานดีๆ แบบนี้เราก็คงไม่อยากให้มีจัดแค่ครั้งเดียว ยังไงทางผู้จัดก็มีแอบกระซิบมาบ้างแล้วว่าถ้า Feedback ดี ก็อาจจะมีการจัดงานทำนองนี้อีกในอนาคต ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับทาง Space IDOL และ Siam Matsuri ด้วยนะ

อาทิตย์ 4 ตุลาคม ศิลปินไอดอลวง Aster ภายใต้สังกัดค่าย Merry Go Sound ได้จัดงานเดบิ้วท์เปิดตัววงอย่างเป็นทางการ ในชื่องานว่า ASTER THE DEBUT ณ ห้าง Emquartier โดยงานนี้มีกิจกรรมกันตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยทีเดียว ซึ่ง IDOLTH ก็ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ก็จะมารีวิว และนำภาพบรรยากาศภายในงานมาให้ได้รับชมกันเช่นเคย

งานเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้า 10.30 น. เริ่มเปิดจำหน่าย Official Good ซึ่งงานนี้ก็มีเหล่าแฟนคลับผู้รักในการเสี่ยงโชคก็มาลุ้นสุ่มรูปภาพ Photoset กัน ซึ่งมีของรางวัลเป็นรูปภาพแบบพิเศษของน้องๆ Aster ทั้ง 9 คน หรือที่เรียกกันว่า “รูป SSR” โดยรูปภาพพิเศษนี้จะยังไม่มีลายเซ็นของน้องๆ โดยผู้ที่ได้รับ ก็จะสามารถนำรูปภาพเหล่านี้มาให้น้องในรูปเซ็นสดได้เลยในช่วงกิจกรรมเซ็นรูป SSR ในช่วงเย็น

จากนั้นเวลา 12.00 น. น้องๆ Aster ก็ได้ออกมาร่วมกิจกรรม 2-Shot กับแฟนๆ ในชุดยูนิฟอร์มร้ายนะคะ แต่รักหมดใจ ซึ่งเป็นชุดยูนิฟอร์มที่ใช้มาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกๆ โดยงานนี้ก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้ถ่ายรูปกับน้องๆ ในชุดนี้

กิจกรรมบนเวทีเริ่มขึ้น โดยพิธีกร และน้อง ๆ ASTER ขึ้นแสดงบนเวที เริ่มด้วยเพลง ร้ายนะคะ แต่รักหมดใจ เพลงซิงเกิ้ลแรก จากนั้นก็มาต่อด้วยเพลงช้า ๆ อย่างเพลง ขอความจริง เรียกได้ว่าเพลงเพราะจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว

ช่วงเบรกพักให้น้อง ๆ และเปลี่ยนชุด ทีมงานก็มีกิจกรรมให้แฟนคลับขึ้นไปร่วมเล่นเกม เพื่อรับของรางวัล

งานนี้ยังมีแขกเชิญพิเศษ คือน้องๆ อดีตไอดอลวง The Glass Girls และเหล่าเทรนนีจาก MSG Trainee มาร่วมชมการเดบิ้วท์ของน้องๆ Aster อีกด้วย

พอเสร็จกิจกรรมกับแฟนคลับแล้ว เสียงเพลง ก็ดังขึ้นการแสดงชุดพิเศษก็มาถึง เมมเบอร์แต่ละคนก็งัดเอาสกิลความสามารถพิเศษ มาโชว์ให้กับแฟนคลับรับชมกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ชาชาและโกรัน ดูโอ้ยิมนาสติก ไอซ์และลูกเกดก็มาโชว์สเต๊ปการเต้นพร้อมกับเพื่อนๆ

ใบหยกที่มากับสกิลการแรพ และการโชว์พลังเสียง ขอ 4 สาว เดียร์ มิ้ง กัน และ แซนดี้ และเซอร์ไพรซ์ของการแสดงชุดพิเศษนี้คือ การเอาเพลง ตึกตัก ของวงรุ่นพี่ Daisy Daisy มาทำการแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานรับชม และต่อหน้ารุ่นพี่ Daisy Daisy ที่มาให้กำลังใจน้อง ๆ ในงานด้วย

ช่วงสัมภาษณ์บนเวที คุณตัวโน๊ต และคุณพิมพ์ ก็ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของวง ASTER ที่มาจากการออดิชั่นวงรุ่นพี่ Daisy Daisy โดยสมาชิกเริ่มแรกมีเพียง 4 คน คือ โกรัน มิ้งค์ แซนดี้ เดียร์ และได้เปิดออดิชั่นเพิ่มจนได้ ไอซ์ ชาชา ใบหยก กันและ ลูกเกด จึงทำให้สมาชิกครบ 9 คน และมีเพลงแรก คือ “ร้ายนะคะ (แต่รักหมดใจ)”

และแล้วคุณตัวโน๊ต ก็ได้ประกาศ เพลงใหม่ซิงเกิ้ลที่ 2 “ออเดิร์ฟ” (Love Appitizer) ซึ่งมี ไอซ์ เป็นเซ็นเตอร์ของเพลงนี้ พร้อมด้วยการเปิดตัวชุดยูนิฟอร์มใหม่ของน้องๆ และแสดงเพลงใหม่เป็นครั้งแรกในงานนี้

คลิปการแสดงสด “ออเดิร์ฟ” (Love Appitizer)

หลังการแสดงจบลง คุณตัวโน๊ตก็มีประกาศสำคัญอีก 2 เรื่อง คือ ประกาศตำแหน่งผู้จัดการวง ASTER คนใหม่ คือ คุณแอปเปิ้ล – นิชชนันท์ เอกวาริน ที่จะเข้ามาช่วยดูแลน้องๆ

และประกาศแต่งตั้ง แซนดี้ เป็นกัปตันของวง และกิจกรรมสุดท้ายของงาน คือการถ่ายกรุ๊ปช็อตกับน้องๆในชุดของเพลงใหม่ กิจกรรมแฟนไซน์ สำหรับผู้โชคดีได้รับรูป Photoset พิเศษ รวมไปถึงผู้ได้รับรางวัลจากกิจกรรม Top Spender ที่ได้ขึ้นมารับรูปพิเศษและถ่ายรูปกับน้องๆ กันแบบเป็นกันเอง และกิจกรรมประมูลของที่ระลึกพร้อมลายเซ็น

ติดตามน้องๆ Aster ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/asteridol

จบกันไปแล้วกับ Pretzelle Day งาน Fansign ครั้งแรกของสาวๆ Pretzelle ในวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2020 ที่งานนี้ทีมงานได้เหมา Co-Working Space ย่านสาทร อย่าง Launchpad สำหรับใช้เป็นที่จัดงานในครั้งนี้เลย โดยงานมีจัดทั้งหมด 3 รอบ 10.30 / 13.00 / 15.00 ซึ่งผู้ที่ซื้อ Mini Album Pretzelle สามารถเข้าร่วมงานแฟนไซน์ในครั้งนี้ได้ และยังเปิดให้แฟนคลับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ด้วย (แต่จะไม่ได้ร่วมในการแฟนไซน์) ซึ่งทางทีมงาน IDOLTH ของเราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานในรอบเช้า ซึ่งก็มีแฟนคลับให้ความสนใจมาร่วมงานกันเยอะพอสมควรทีเดียว

บริเวณหน้างานก็เปิดขายสินค้าที่ระลึกน่ารักๆ ของวง Pretzelle ทั้งเสื้อ และพวงกุญแจ รวมไปถึงยังขายซีดีให้กับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน Fansign อีกด้วย

พิเศษสุดๆ สำหรับผู้ที่มี Invite Card ที่ได้รับแจกจากน้องๆ ในกิจกรรมครั้งแรก ตั้งแต่งาน IDOL EXPO สามารถนำมาแลกรับรูป Photoset สุดพิเศษที่มีลายเซ็นสดๆ ของน้อง ซึ่งมีจำกัดเพียงแค่ 100 ใบเท่านั้น เพื่อแทนคำขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

สำหรับกิจกรรมแฟนไซน์ แฟนๆ สามารถนำอัลบัมและการ์ดไซน์มาให้กับน้องๆ เซ็นได้ พร้อมกับสามารถพูดคุยกับน้องๆ แต่ละคนได้คนละประมาณ 15 วินาที ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนาน และใบหน้ายิ้มแย้มของน้องๆ แต่ละคนก็ทำให้ทุกคนแฮปปี้กันสุดๆ

สำหรับอัลบัมที่ร่วมกิจกรรมแฟนไซน์แล้วก็จะมีตราปั้ม Pretzelle สวยๆ แบบนี้ปั้มลงไป

กิจกรรมในแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม ครึ่ง (โดยประมาณ) หลังจากทุกคนได้เซ็นเรียบร้อยแล้ว น้องๆ ก็ได้ออกมาพูดกล่าวความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ เป็นอันจบงาน Fansign 1 รอบ

คลิปสัมภาษณ์พิเศษจากน้องๆ Pretzelle

ติดตามได้ทางเพจ IDOLTH.com

รูปภาพเพิ่มเติม

29 สิงหาคม วงไอดอล Secret12 ได้จัดงานเปิดตัวซิงเกิ้ลลำดับที่ 2 ในชื่อ LOOK AT ME โดยงานจัดขึ้นที่โรงภาพยนต์เมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งในงานก็มีกิจกรรมตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ายาวไปจนถึงช่วงดึกเลย ภายในงานมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทีมงาน IDOLTH ก็ได้นำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!

งานได้เปิดให้แฟนคลับที่ซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ลงทะเบียนกันในเวลา 10.30 น. (บัตรจำหน่ายล่วงหน้าทางเพจในราคา 300 บาท พร้อมได้สิทธิ์ชาเมะฟรี 2 รูป) ซึ่งกิจกรรมตลอดทั้งวันจะจัดขึ้นบริเวณ M Space ชั้น 3 หน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นพื้นที่เปิดให้คนมานั่งพักรอหนังฉาย แต่วันนี้ได้ปิดทั้งโซนเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมของวง Secret12 ตลอดทั้งวัน

สำหรับไฮไลท์สำคัญในช่วงเช้า จะเป็นช่วง Sound Check ของน้องๆ ซึ่งทางวงก็ได้สุ่มผู้โชคดีจำนวน 10 คนที่จะได้เข้าร่วมชมน้องๆ ซ้อมบล็อกกิ้งเพลงใหม่ก่อนใคร ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที ก่อนที่จะให้น้องๆ เตรียมไปเปลี่ยนชุด เพื่อเตรียมโชว์ในรอบจริง

สำหรับการเปิดตัวเพลงใหม่ ได้ถูกจัดขึ้นภายในโรงภาพยนตร์ที่ 12 เมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งเป็นโรงที่มีเลขเดียวกับชื่อวง Secret12 เลย (อันนี้ก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่าตั้งใจ?) โดยหน้าโรงที่ 12 ก็มีการขึ้นไฟชื่อวง และรอบเวลาฉายอีกด้วย

หลังจากแฟนคลับได้ทยอยเข้าโรงภาพยนตร์กันแล้ว งานมีดีเลย์เล็กน้อย น้องๆ ก็ได้ออกมาแสดงในเพลง LOOK AT ME เป็นครั้งแรก

โดยทาง IDOLTH ก็มีคลิป First Perfermance ในครั้งนี้มาให้ชมด้วย

นอกจากนี้ในงานยังมีแขกรับเชิญ มาร่วมชมการแสดง ทั้ง อินอินและมายเดียร์ไอดอลจากวง IMI กลุ่มไอดอลจากวง Hatobito คุณนิว อดีตผู้จัดการวงไอดอล Violet Wink และ คุณปลั๊ก ผู้จัดการวง FEVER ก็มาร่วมชมการแสดงครั้งนี้ด้วย

และอีกหนึ่งไฮไลท์คือการเปิดตัวเหล่าเทรนนีทั้ง 7 ของ Secret12 ครั้งแรก โดยน้องๆ ก็ได้ออกมาแนะนำตัวกับแฟนคลับที่เข้ามาชม

ชมคลิปแนะนำตัวและรูปภาพเพิ่มเติมของน้องๆ เทรนนีได้ที่ /article/7448

สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่ายไปจนถึงตอนเย็น จะเป็นกิจกรรมถ่ายรูป Shame (ถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ) และ Cheki (ถ่ายรูปโพราลอยด์) ซึ่งจะแบ่งน้องๆ ออกเป็นรอบต่างๆ ให้แฟนคลับ ได้เข้าไปทำกิจกรรมถ่ายรูปและพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับน้องๆ และในช่วงเย็น ยังมีช่วงกิจกรรม Sign ที่สามารถนำ Good ต่างๆ ของวงไปให้น้องๆ เซ็นชื่อ พร้อมพูดคุยสั้นๆ กับน้องๆ ก่อนที่จะมีการแสดงโชว์สุดพิเศษเป็น Mini Live ที่น้องๆ ได้มาแสดงความสามารถ ทั้งร้องทั้งเต้นกันอีกด้วย

และเรายังมีบทสัมภาษณ์พิเศษจาก 11 สาว Secret12 ที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับซิงเกิ้ล LOOK AT ME นี้มาฝากอีกด้วย

ชมและปั่นวิวเพลง LOOK AT ME จาก Secret12 ได้แล้ววันนี้

ภาพเพิ่มเติม

IdolMaster เมื่อพูดถึงชื่อนี้ในวงการไอดอลแล้ว คงน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ ไอดอลมาสเตอร์ ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการจัดงานไอดอลมากมายหลายงาน โดยเฉพาะงาน IDOL EXPO ทั้ง 3 ครั้ง ที่จัดขึ้นที่ Bitec Bangna ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดีเสมอทั้งจากเหล่าแฟนคลับก็ดี รวมไปถึงเหล่าบรรดาไอดอลมากมายหลายวง ทั้งที่เป็นวงที่มีแฟนคลับติดตามมากมาย หรือจะเป็นวงน้องใหม่ที่อาจยังไม่มีผลงาน แต่ก็ได้รับการสนับสนุนพื้นที่ให้วงไอดอลน้องใหม่เหล่านี้ได้มาออกงานเพื่อพบปะกับเหล่าแฟนคลับ เพื่อค่อยๆ สร้างฐานแฟนคลับของตัวเองขึ้นมา จนเรียกได้ว่า ไอดอลมาสเตอร์ เป็นส่วนนึงที่ช่วยสนับสนุนให้วงไอดอลหลายๆ วง ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแฟนคลับ อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

และเนื่องด้วยในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้การจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ในรูปแบบ Offline เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และแน่นอนว่าสำหรับวงการไอดอล ที่มีคอนเซ็ปสำคัญอย่าง ไอดอลที่สามารถไปพบได้ ย่อมได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ทางทีมงาน IdolMaster จึงได้มีการเริ่มต้นโปรเจ็คใหม่ในชื่อว่า IDOL Space Hi SENO! ที่จะพาเหล่าน้องๆ ไอดอล มากับกันแฟนคลับผ่านทางช่องทางออนไลน์ ผ่านระบบ Live Streaming ทาง Facebook โดยที่ผ่านมาก็ได้มีไอดอลมากมายหลายวงที่ตอบรับคำเชิญ และไปออกรายการมาอย่างมากมาย ไม่ซ้ำวงกันเลยทีเดียว

สำหรับการดำเนินรายการ ก็มีทั้งการเล่นเกมส์ของน้องๆ ไอดอล และการตอบคำถามต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับผลงานของวงที่เพิ่งปล่อยออกมา หรือการตอบคำถามจากเหล่าแฟนคลับที่ถามกันเข้ามาสดๆ ผ่านทาง Live และการ ร้องและเต้นโชว์กันแบบสดๆ ในรายการ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เหล่าไอดอลและแฟนคลับได้หายคิดถึงกันไม่มากก็น้อย

และหลังจากวันที่ 1 ก.ค ที่ทางรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนจนมาถึงเฟส 4 แล้ว ก็ทำให้บรรดาวงไอดอลเริ่มที่จะจัดงาน Meeting เล็กๆ กันหลายวง เพื่อให้เหล่าแฟนคลับได้กลับมาพบเจอกับเหล่าไอดอลที่ตัวเองได้ติดตามหลังจากที่ห่างหายกันมานาน แน่นอนว่ารายการ IDOL Space Hi SENO! by Idol Master ก็เริ่มปรับรูปแบบรายการและสถานที่ถ่ายทำรายการให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด ได้มีการย้ายสถานที่ไปยัง M Picture Academy ที่ตั้งอยู่ ณ เมเจอร์รัชโยธิน (ติด BTS รัชโยธิน) และได้มีการเปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ลงทะเบียนเป็นผู้โชคดี จำนวน 20 คน สามารถเข้าร่วมชมร่วมเชียร์เหล่าน้องๆ ไอดอลที่มาออกรายการกันถึงห้องส่งเลยอีกด้วย

ได้ประเดิมสถานที่ไปแล้วกับ 2 งานล่าสุดกับไลฟ์ของวงไอดอลน้องใหม่ Aliszt และ Special Live ของวง ASTER ที่ชวนเหล่าโอตะมาดู MV เพลงใหม่ ร้ายนะคะ (แต่รักหมดใจ) พร้อมกัน เป็นที่แรก งานนี้นอกจากน้องๆ จะได้กำลังใจจากเหล่าแฟนคลับที่เข้ามาชมไลฟ์สดๆ ทาง Facebook Live แล้วยังได้กำลังใจจากแฟนคลับผู้โชคดีที่ได้เข้ามาร่วมชมการถ่ายรายการกันแบบสดๆ ณ สถานที่จริงอีกด้วย ซึ่งนอกจากภายในห้องอัดรายการที่เป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ (คล้ายๆ กับตู้ปลาของ BNK48) ที่สามารถให้แฟนคลับส่วนนึงสามารถเข้าไปนั่งชมไลฟ์กันสดๆ แบบใกล้ชิดได้ถึงด้านใน บริเวณด้านนอก ก็สามารถรองรับแฟนคลับที่ต้องการมาให้กำลังใจกับน้องๆ ได้เช่นกัน

โดยในวันงานไลฟ์ของไอดอลวง Aliszt ที่ผ่านมา ก็มีแฟนคลับมากมาย ที่มารอให้กำลังใจน้องๆ กันที่ Digital Live Studio แห่งนี้กันอย่างล้นหลาม แถมยังได้ถ่ายรูปกับน้องๆ ไอดอลผ่านกระจก อย่างที่เห็นในรูปอีกด้วย lolz

หลังจากจบไลฟ์ น้องๆ ไอดอลก็ได้่ออกมาทักทายและถ่ายรูปกับแฟนคลับที่รออยู่ด้านนอกอีกด้วย แถมยังมีแจกเจลล้างมือให้กับแฟนคลับผู้โชคดีอีกด้วย

งานนี้ นอกจากจะฟินกันโดยทั่วแล้ว ยังมือสะอาดกลับบ้านกันอีกด้วยนะ

แน่นอนว่ากิจกรรมดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่จะยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยสามารถติดตามข่าวสารอัพเดท ว่าไอดอลวงต่อไปที่จะไปไลฟ์ที่ Digital Live Studio แห่งนี้จะเป็นไอดอลวงไหนได้ที่ เฟสบุ๊คของ IdolMaster เลย

Facebook : Idol Master

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จากทีม Idol Master มา ณ ที่นี่ด้วย

ผ่านไปแล้วกับอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่อยากมารีวิวให้แฟนคลับได้ดูได้ฟังกัน กับกิจกรรม Pretzelle Mini Fanmeet แฟนมีทติ้งครั้งแรกของไอดอลวง Pretzelle ที่ตอนนี้เหลือกันแค่ 3 คนแล้ว คือน้องไอซ์ น้องอิ้น และน้องบะหมี่ โดยงานนี้จัดกันที่ร้านใบไม้ร่าเริง ร้านอาหารริมถนนวิภาวดี ซึ่งได้ร่วมมือกับงาน JK-Street “Thank You” Party เพื่อจัดงานให้แฟนคลับได้มาพบปะไอดอลกันในครั้งนี้

โดยงานของ Pretzelle ได้แบ่งออกเป็น 3 รอบ เวลา 12.00 , 14.00 และ 16.00 น. โดยใน 1 รอบ จะใช้เวลาในการทำกิจกรรมทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง สำหรับเงื่อนในการเข้าร่วมงาน Fan Meet ในครั้งนั้น คือสำหรับผู้ที่สั่งซื้ออัลบัมของ Pretzelle ล่วงหน้าผ่านทาง Shopee ที่ได้แจ้งสิทธิ์เอาไว้ทาง Inbox ของแฟนเพจ และยังได้เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถมาลงทะเบียนแบบ Walk-in ได้อีกด้วย โดยรับจำนวนจำกัดที่ 50 คน เท่านั้น เพื่อให้มีระยะห่างพอสมควร ตามนโยบาย Social Distancing นั้นเอง

โดยบริเวณหน้างานที่เป็นจุดลงทะเบียน ยังมีสินค้าของวงมาจำหน่ายด้วยกัน 2 อย่าง คือพวงกุญแจ Pretzelle สุดน่ารัก ในราคาสบายๆ เพียง 59 บาท และเสื้อยืด Pretzelle ตัวละ 350 บาท น่าเสียดายที่ในตอนนี้ยังมีแค่ขนาดฟรีไซต์ อก 40″ ซึ่งตัวผมเองไม่สามารถใส่ได้ แต่จากที่ได้พูดคุยกับทางทีมงานสตาฟ ก็ทราบมาว่าเร็วๆ นี้จะมีเสื้อลายใหม่ออกมาจำหน่ายอย่างแน่นอน และรอบนี้จะมีหลายไซต์ให้ได้เลือกกันอีกด้วย ยังไงก็อดใจรอกันอีกนิดนึงนะ

งานนี้น้องๆ ทั้ง 3 คน ก็แต่งชุดมาแบบเดียวกับที่เราได้เห็นใน MV เลยทีเดียว และยังมีพิธีกรสาวสวยอารมณ์ดี คุณข้าวฟ่าง มาเป็นพิธีกร สร้างความสนุกสนานให้กับแฟนคลับและน้องๆ ได้ดีทีเดียว

หลังจากน้องๆ ทั้ง 3 คน ได้แนะนำตัวและทักทายอย่างเป็นกันเองกับแฟนคลับแล้ว ก็ได้เวลาในการโชว์ โดยน้องๆ ได้นำเพลงของตัวเองอย่าง “เมื่อโลกนี้มีเธอ” และ “ไหวไหม” มาแสดงให้แฟนๆ ได้ฟังกันสดๆ ในแบบอคูสติก งานนี้บอกเลยว่าแฟนๆ นั่งฟังไปเคริ้มไปกันหมด เพราะเสียงของน้องๆ ทั้ง 3 คน จัดได้ว่า ดีมากๆๆๆๆๆ

จบจากการแสดง ก็ถึงช่วง Q&A ตอบคำถามจากน้องๆ ซึ่งนอกจากคำถามเด็ดๆ ที่ทางพิธีกรได้เตรียมมาไว้แล้ว ยังเปิดโอกาสให้แฟนคลับผู้โชคดี ได้ถามคำถามอะไรก็ได้กับน้องๆ แบบสดๆ บางคำถามนี่ก็ถึงกับน้องๆ คิดไม่ออก ตั้งตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว lolz

และปิดท้ายด้วยความพิเศษสุดๆ คือการที่แฟนคลับทุกคนที่ได้เข้าร่วมงานในรอบนั้น จะได้ออกมาถ่ายรูปกับน้องๆ ทั้ง 3 คน กันแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียตังค์ใดๆ เลย งานนี้ได้รูปกรุ๊บช็อตสวยๆ ไว้อวดกันทุกคนแน่นอน

แน่นอนว่างานดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่นอน โดยทางทีมงานก็แอบกระซิบมาว่าเร็วๆ นี้ เตรียมพบกับกิจกรรม Fan Meet เต็มรูปแบบ ที่จะได้ดูโชว์ทั้งร้อง ทั้งเต้น จากน้องๆ อย่างแน่นอน และก็อย่าลืมไปสั่งซื้ออัลบัม PRETZELLE DAY ที่มีของแถมมากมาย และ Fansign Card ที่ใช้สำหรับเข้าร่วมกิจกรรม Fan Sign จากมือน้องๆ อีกด้วย

ลิ้งค์สั่งซื้ออัลบัม PRETZELLE DAY Mini Album https://shopee.co.th/mypretzelle

11 มกราคม 2020 วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม กับงาน IDOLS Music Exchange ที่จัดขึ้นที่ Lido Connect สยาม โดยมี 6 สาวไอดอล จากวงไอดอลชื่อดัง 2 วง ไข่มุก เอ็มม่า นาวลิ้ม จาก Cm Cafe และ แฮมมี่ หนิงหนิง โอลีฟ จาก Daisy Daisy ที่จะมา “แลกเพลงกันร้อง”

ถ้าพูดถึงเรื่องการแลกเพลงกันร้องระหว่างวงไอดอล ก็เป็นอีเว้นท์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นเท่าไหร่นักกับวงไอดอลไทย ซึ่งปัญหาหลัก ก็คงเป็นเรื่องของการฝึกซ้อมของตัวไอดอลเอง ที่หากแลกเพลงกันร้องก็ต้องมีการฝึกซ้อมเพิ่มเติมเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถ ร้อง และ เต้น เพลงของอีกวงได้ ซึ่งจากที่เคยเห็นมาเมื่อปีที่แล้วก็จะมีอีเว้นท์ที่ชื่อว่า “จ้องตา หนึ่งคำ” ที่เป็นการออกอีเว้นท์ร่วมกันระหว่างค่าย Cm Cafe กับค่าย 7 Sense ซึ่งได้ยุบวงไปแล้ว

สำหรับงานได้ครั้งนี้ก็ได้ คุณกุ้ง ศรุดา สุดยอดแฟชั่นดีไซเนอร์ของไทยมาเป็นแม่งานในการพาไอดอลทั้ง 2 วงโคจรมาเจอกัน และจัดเป็นอีเว้นท์ Fanmeet Concert สุดพิเศษในครั้งนี้ ที่จำกัดเพียงแค่ 324 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งเนื่องด้วยในช่วงการจัดคอนเสิร์ท ไม่สามารถบันทึกภาพหรือวิดีโอได้ ดังนั้นรีวิวนี้จะใช้รูปที่ถ่ายในช่วงท้ายงาน (ที่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้) มาประกอบในแต่ละช่วงของคอนเสิร์ทนะครับ

14.00 น. เริ่มงานคอนเสิร์ท

งานเริ่มต้นด้วยแสงไฟกระพริบสุดอลังการ (ที่พาลแสบตามิใช่น้อย) พร้อมด้วยหมอกควันจางๆ ซาวน์ประกอบเปิดหัวหนังของค่าย Twenty Century Fox และการกล่าวเปิดงานของพิธีกรซึ่งได้คุณแชมป์ ธกฤต สมบัตินันท์ จาก จดอ – JUSTดูIT.  มาเป็นพิธีกรของงานในครั้งนี้ หลังจากที่ได้เช็คเสียงจากแฟนคลับของไอดอลทั้ง 6 คน ทีละคนแล้ว ก็เริ่มที่การแสดงโชว์แรก ซึ่งก็คือ….

1st Olive Daisy Daisy

ชุดที่โอลีฟใส่ออกมานั้น ไม่ใช่ชุดในรูปด้านบนนี้ แต่เป็นกางเกงยีนส์ กับเสื้อแบบเปิดไหล่ มาด ร็อคๆ หน่อย โดยเพลงแรกที่โอลีฟร้องคือ เพลงตุ๊กตาไล่ฝน จากยูนิต Daifuku โดนโอลีฟได้สะพายเบสเอาไว้พร้อมกับเกาเบาๆ เพื่อเข้าจังหวะกับเพลงตุ๊กตาไล่ฝนนี้ โดยมีดนตรีแบ๊กอัพสด ทั้งกีต้าร์ คีย์บอร์ด และกลองชุด

จบจากเพลงแรกไป ก็จะเป็นการแนะนำตัวของโอลีฟ แล้วเริ่มเข้าสู่เพลงที่สองที่โอลีฟเลือกมาเล่น ซึ่งเพลงที่สองนี้ก็จัดเต็มกว่าเดิม โดยโอลีฟได้เลือก เพลงหวง ของเอิ๊ต ภัทรวี มาร้องพร้อมกับเล่นเบสให้แฟนๆ ได้ฟังแบบ Exclusive สุดๆ

และเพลงที่สามกับเพลง Only ซึ่งเป็นเพลงที่ทางวง Daisy Daisy ได้นำมาร้องโคฟเวอร์ใหม่อยู่แล้ว แต่โอลีฟก็ได้เลือกมาร้องในแบบฉบับของโอลีฟเอง ซึ่งเล่นเบสไปด้วย และช่วงกลางเพลงก็มีเซอร์ไพซ์ คือแฮมมี่ได้เข้ามา Featuring ร้องร่วมกับโอลีฟอีกด้วย และแน่นอนว่าเสียงของโอลีฟที่ได้ชื่อว่าเป็น Angel Voice เล่นเอาแฟนๆ เคริ้มกันเป็นแถวเลยทีเดียว

หลังจากจบเพลงที่สาม ก็พาแฮมมี่มาทักทาย แล้วแฮมมี่ก็ไปพัก พร้อมกับเพลงที่สี่ ที่โอลีฟบอกว่าเป็นเพลงเก่าที่อยากเล่น แต่อาจจะเล่นไม่จบเพลงและอยากให้แฟนๆ ร่วมร้องไปด้วยกัน นั้นคือเพลง “เธอยัง” ของ Potato นั้นเอง แต่ที่เซอร์ไพซ์คือ นาวลิ้ม ได้ออกมาและไปนั่งตีกลองประกอบเพลงนี้ให้อีกด้วย

จบจากเพลงนี้โอลีฟก็ไปพัก และยกเวทีนี้ให้กับนาวลิ้มต่อไป

2nd Nowlim Daifuku

นาวลิ้ม กับการใส่ชุดแบบนี้แหละตีกลอง! เพื่อนๆ คงอยากเห็นกันเลยสิท่า !!

สำหรับเพลงของ Daisy Daisy ที่นาวลิ้มได้เลือกมาร้องนั้นคือเพลง Heal ซิงเกิ้ลลำดับที่สองของวง พร้อมด้วยการเดินไปมาทั้งด้านข้าง และตรงกลาง สร้างความเฮฮาที่แปลกใหม่สำหรับเพลง Heal เลยทีเดียว

และสำหรับจุดเด่นของการโชว์ของนาวลิ้ม นั้นคือการแฝงไปด้วยสกิลการ MC ของเธอ ที่คุณแช้มป์ จดอ. ยังต้องบอกขอเชิญเธอมาร่วมเป็นพิธีกรในรายการในอนาคตด้วยเลย เพราะเธอสามารถบิ้วท์อารมณ์คนดูด้วยความน่ารักในแบบเฉพาะของเธอเองได้เป็นอย่างดี

โดยในท่อน “นา นา นา นา” นาวก็ได้เปลี่ยนเป็น “นาว นาว นาว นาว” แทนอีกด้วย เป็นกิมมิกเล็กๆ

3th Hammy Daisy Daisy

เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมมเบอร์ที่มีพลังเสียงมากคนนึง ได้เลือกเพลงแรกคือเพลง Part of Your World เพลงประกอบหนัง The Little Mermaid นั้นเอง โดยแฮมมี่ก็ได้แสดงออกมาอย่างทรงพลัง เรียกได้ว่าสะกดให้ผู้ชมทุกคนนั่งติดเก้าอี้ อึ้งกับเสียงของเธอที่สมเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงจริงๆ

จบจากเพลงนี้ เพลงของวง Cm Cafe ที่แฮมมี่เลือกมาร้องคือ เพลงรักหนึ่งคำ โดยแฮมมี่ก็ได้โชว์สามารถในการเล่นกีต้าร์ด้วย โดยเธอได้ขนกีต้าร์สีแดง ที่มีสายห้อยที่มีตัวอักษรว่า HAMMY มา ซึ่งคาดว่าคงเป็นกีต้าร์ของเธอเอง

โดยแฮมมี่ทำได้ดีทั้งการร้องและเล่นกีต้าร์ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นไปด้วยความสนุกสนาน เพราะเพลงนี้สามารถมิกซ์เชียร์ได้ด้วย แฟนคลับจึงช่วยกันส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนุน

จบจากเพลงรักหนึ่งคำ แฮมมี่ก็ต่อด้วยเพลงสากลสุดฮิตอย่างเพลง Price Tag มาร้องและโยกให้แฟนๆ ได้ชมกัน แน่นอนว่าทำออกมาได้ดีมากๆ โดยเฉพาะท่อนแรปที่บอกเลยว่าเป็นสกิลการแรปที่แฮมมี่ไม่เคยโชว์ให้ดูที่ไหนมาก่อนอีกด้วย

กิจกรรมเล่นเกมส์

หลังจากจบโชว์ไป 3 คน ก็เป็นการพักครึ่ง โดยคุณแชมป์ก็ได้ออกมาเป็นพิธีกรดำเนินรายการต่อ โดยเกมส์ที่เล่นคือเกมส์เป่ายิ้งฉุบ โดยน้องทั้ง 3 คน โอลีฟ (เปลี่ยนชุดแล้ว) นาวลิ้ม และแฮมมี่ แต่ละคนจะเลือกป้าย 2 ป้าย ที่ระบุแถวที่นั่ง และคนดูในสองแถวนั้นก็ได้จะเป่ายิ้งฉุบกับน้องไปเรื่อยๆ จนเหลือผู้ชนะ 1 คน จะได้รับรางวัลสุดพิเศษเป็นรูปโปสเตอร์พร้อมลายเซ็น เซ็นกันสดๆ จากน้องๆ ทั้งสามคนไปเลย

4th Emma Honey Toast

เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของการแสดง โดยเอ็มม่าก็เป็นคนต่อไปที่จะออกมาแสดง โดยเอ็มม่าได้เลือกเพลงซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดของ Daisy Daisy อย่างเพลงตึกตัก มาแสดง โดยเอ็มม่าก็ทั้งร้องและเต้นอย่างสนุกสนานไปทั่วบริเวณเลยทีเดียว ด้วยรอยยิ้มอันสดใสก็ทำให้แฟนคลับทุกคนหัวใจเต้นตึกตักกันไปหมดอย่างแน่นอน

จบจากเพลงตึกตัก เอ็มม่าก็ได้บอกว่า อยากเต้นบ้าง ก็เลยเลือกเพลงเกาหลีเพลงนึงมาเต้น โดยเธอก็ได้วางไมค์และจัดเต็มเรื่องการเต้นอย่างเต็มที่ สไตล์สาววงเกาหลีเลยทีเดียว (เนื่องจากทางผมไม่รู้จักชื่อเพลง จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเพลงอะไร) แต่เอ็มม่าก็ได้จัดเต็มในสกิลการเต้น ซึ่งปกติเราก็คงไม่สามารถหาชมเอ็มม่าเต้นแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

5th Ningning Daisy Daisy

หนิงหนิงได้ออกมาเป็นคนที่ 5 ด้วยชุดสีเขียว ที่ค่อนข้างหลุดธีมจากเพื่อน มาใน “เพลงทาสแมว” ของ Honey Toast โดยทีเด็ดคือ หนิงหนิงได้นอนคว่ำลงกับพื้นเพื่อทำท่าแมวกวักอีกด้วย เล่นเอาเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนคลับได้เพียบเลย

และเพลงที่สองที่หนิงหนิงจะมาร้องเต้นให้ได้ฟังกันต่อคือ เพลงโป๊ ของใบเตย อาร์ สยาม เรียกได้ว่าปรับอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่า “แซ่บ”

จบจากเพลงนี้ก็จะเข้าสู่คนสุดท้ายกันแล้ว

6th Kaimook Honey Toast

สำหรับไข่มุกนั้นก็ได้เลือกเพลง Daisi Daisy มาทำการโชว์ ซึ่งไข่มุกก็สามารถทำได้ดีทั้งร้องและเต้น และด้วยความน่ารักของคุณไข่ ก็ทำเอาแฟนๆ ที่นั่งชมต้องนั่งอมยิ้มกับท่าเต้นเฉพาะอย่างท่อน “เดซี่ เดซี่” แบบกลั้นยิ้มไม่อยู่กันอย่างแน่นอน

กลับสู่ช่วงเล่นเกมส์อีกครั้ง

กลับมาสู่ช่วงเล่นเกมส์กับอีก 3 สาวอีกครั้ง เอ็มม่า ไข่มุก และ หนิงหนิง ก็ได้เป่ายิ้งฉุบกับแฟนๆ เพื่อลุ้นรับโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นสุดพิเศษจากสาวๆ นั้นเอง

การแสดงโชว์ร่วมกันปิดท้าย

โดยก่อนที่จะแสดงโชว์สุดท้าย ทางคุณแชมป์ ก็ได้ขึ้นมาพูดคุยกับน้องๆ เพื่อพูดถึงความรู้สึกในวันนี้ รวมไปถึงเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้เก็บภาพน้องๆ ในชุดสวยๆ เหล่านี้กันแบบเต็มที่เลยทีเดียว แถมใครที่เตรียมของขวัญมามอบให้กับน้องก็สามารถนำไปมอบให้กับมือน้องๆ ได้เลยทันที พิเศษแบบนี้เฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้น เพราะปกติการจะมอบของให้น้องต้องผ่านมือสตาฟนั้นเอง

ทั้งนี้ก็มีการเซอร์ไพซ์วันเกิดของน้องไข่มุกด้วย โดยคุณกุ้ง ก็ได้มีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้กับไข่มุกอีกด้วย

และการแสดงปิดท้าย ก็คือ “เพลงรักหนึ่งคำ” โดยทั้ง 6 คนก็ได้ร้องและเต้นเพลงนี้ร่วมกัน สร้างความสนุกปิดท้ายงานได้เป็นอย่างดี

แต่….!! ก็ยังไม่จบ ยังมีเพลงพิเศษปิดท้ายอีกเพลง นั้นคือเพลง “ผ้าเช็ดหน้า” ของ TK

แน่นอนว่าน้องๆ ก็มีผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมมาเป็นของขวัญสุดพิเศษ ที่จะนำมาโปรยให้กับแฟนๆ ได้เก็บกันอีกด้วย จากที่ดูๆ น่าจะมีประมาณ 20 ผืนเลยทีเดียว

หลังจากจบจากเพลงสุดท้าย ก็ได้มีการถ่ายรูปร่วมกัน ทั้งกับแฟนคลับ และกับทางทีมงานผู้จัดงานและพิธีกรเอง

และหลังจากจบการ ก็ยังมีกิจกรรม Group Shot โดยราคา 400 บาท จะได้ทั้งรูปถ่ายแบบโพราลอยด์ และยังสามารถถ่ายรูปกรุ๊บช็อตนี้กับโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจ่าย 1 ได้ถึง 2 เลยล่ะ

บรรยากาศการ Group Shot เป็นไปด้วยความสนุกสนาน กว่าจะเลิกก็เลตไปพอสมควรเลย

ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณคอนเสิร์ทดีๆ สุด Exclusive แบบนี้ที่ได้จัดขึ้นมาเพื่อให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับไอดอล พร้อมกับได้ดูโชว์ในแบบที่หาดูที่ไหนไม่ได้ ก็หวังว่าในอนาคตจะมีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก กับอีกหลายๆ วงไอดอล ที่จะมาแลกเพลงกันร้อง ไม่แน่ว่าเราโอชิวงเดียว แต่พอได้เห็นความน่ารักสดใส และความสามารถของน้องไอดอลอีกวง ก็อาจจะทำให้เราหลงรักน้องๆ ไอดอลเพิ่มก็เป็นได้ !

วันที่ 24 ธันวาคม 2560 ณ ห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่รอคอยมาแสนนานก็ถึงเวลาของวงไอดอลน้องใหม่แห่งจังหวัดเชียงใหม่ WISH23 ก็ได้เปิดตัวสมาชิกทั้ง24คนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากออดิชั่นด้วยจำนวนคนกว่า500คน

โดยผู้บริหารของวงให้คำนิยามของ WISH23 ว่าหมายถึงความปรารถนาของกลุ่มเด็กสาวที่ไม่ละทิ้งฝัน ที่พร้อมจะติดปีกบินไปสู่ท้องฟ้าที่สวยงาม และ23นั้นเป็นเลขที่ให้ความรู้สึกที่ดีและเป็นมงคล

ภายในงานเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความเป็นมาและจุดมุ่งหมายของวง และทำการเปิดวีดีโอแนะนำสมาชิกทั้ง24คน หลังจากนั้นน้องๆก็ได้ขึ้นมาบนเวทีเพื่อแนะนำตัว พูดคุย และเล่นเกมกับเหล่าแฟนคลับที่มารอพบ

กิจกรรมช่วงสุดท้ายนั้นจะเป็นการ Hi-Touch โดยน้องๆทั้ง24คนจะยืนเรียงกันสองแถวจากด้านล่างเวทีและด้านบนเวที จากนั้นเหล่าแฟนคลับจะสามารถเดินแตะมือและพูดคุยกับน้องๆได้ทีละคน ไปจนถึงน้องคนสุดท้าย ทำให้เหล่าแฟนคลับยิ้มกันไม่หยุดเลยทีเดียว

ทั้งนี้กิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงการแถลงข่าวเท่านั้น แฟนคลับหลายท่านที่มาอาจจะหวังจะได้รับฟังเพลงของวงก็ต้องพลาดกันไปที่ไม่มีให้ฟังในวันนี้ แต่อีกไม่นานพวกเราจะได้ฟังกันอย่างแน่นอน อย่าลืมมาติดตามน้องๆWISH23กันด้วยหล่ะ

สามารถติดตาม WISH23 ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/wish23official/

Twitter : https://twitter.com/Wish23Official

Instargram : /81baa2bda524b19dddf2507580b95e0b/wish23official/

เสาร์และอาทิตย์ที่ 21-22 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีอีเว้นท์พิเศษ Mimigumo 1st Fanmeet “Secret of Mimigumo” งานแฟนมีตครั้งแรกของ Mimigumo ยูนิตก้อนเมฆมีหูทั้ง 3 สุดน่ารัก ที่คุณจะถูกต้องมนตร์สะกด พร้อมรับชมโชว์สุดพิเศษที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และจะมีให้ดูเฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น รวมถึงร่วมเล่นเกมต่าง ๆ ร่วมกับ ไข่มุก มิวสิค และจ๋า ทั้ง 3 คน โดยงานนี้ถูกจัดขึ้นที่ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน โดยทีมงาน IDOLTH ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานในฐานะแฟนคลับ จึงได้นำความรู้สึกต่างๆ มาบอกเล่าให้ฟังเพื่อนๆ ได้ชมกันครับ

ภาพที่เห็นตอนไฟปิดมีแต่แสงจากแท่งไฟเชียร์ จากเหล่าแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ “มิมิกุโมะ” งานเริ่มต้นด้วยการเปิด วิดีโอชี้แจ้งกฎต่างๆของการรับชมการแสดง โดยมี น้องๆ (ไข่มุก BNK48 , มิวสิค BNK48 และจ๋า BNK48) เป็นผู้ชี้แจ้งรายละเอียดในคลิปว่า ผู้ร่วมปาร์ตี้น้ำชาในวันนี้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

เพลงแรกที่เปิดตัวคือ เพลงCandy และเพลง Heart Gata Virus

Myujikkii~ ความพิเศษของเพลงนี้คือ มิวจิกกี้ที่เห็นทั่วไปน้องจะ “นั่ง” ลงไปกับพื้นเวทีแต่สำหรับงานแฟนมีต มิวจิกกี้ “นอน” เลยจ้า~~ ระหว่างเพลงน้องมิวสิค เดินมาเล่นกับแฟนๆที่นั่งอยู่โซนด้านล่าง เรียกได้ว่า ทุกคนได้เห็นมิวจิกกี้ เวอร์ชั่น Full HD ทำเอาเหล่าแฟนๆล้มหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว

ในส่วนของเพลงที่แสดง จะมีความเกี่ยวกับ Concept งานที่มีชื่อว่า Secret of Mimigumo แปลออกมาว่า “อะไรคือ ความลับ ของมิมิกุโมะ” ซึ่งน้องๆ ก็ได้เล่าตั้งแต่ที่มาของ Concept จนการแบ่งงานของทั้ง 3 คนว่า จ๋า-คิดเกม / ไข่มุก-ออกแบบเวที / มิวสิค-performance ต่างๆ

นอกจากนี้น้องๆ ยังได้มีการเล่นดนตรีประกอบการแสดงบนสเตจอีกด้วย น้องไข่มุก – อูคูเลเล่ / มิวสิค – เมโลเดียน / จ๋า – ฟลุท ด้วยความลงตัวของน้องๆ ทั้ง 3 คน ทำให้เห็นถึงความตั้งใจ สายตาที่มุ่งมั่นผ่านการเล่นดนตรีของแต่ละคน นอกจากนี้ในส่วนของบางเพลงก็ได้มีการจอยระหว่างวงดนตรีพิเศษที่เชิญมา เล่นร่วมกับน้องๆในบางเพลง

ช่วงพักเล่นเกมแต่ละเบรค น้องๆได้เชิญยูนิตพิเศษมาเพิ่มสีสันในงานนี้มี ปูเป้ น้ำหนึ่ง และ น้ำใส เรียกได้ว่าเพิ่มเสียงหัวเราะกันจนท้องแข็งกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

สำหรับแต่ละเกมที่น้องๆเลือกมาเพื่อขอบคุณแฟนคลับ และอยากใกล้ชิดแฟนคลับให้มากเท่าที่จะทำได้ ใครที่เป็นผู้โชคดีได้ขึ้นไปเล่นเกมกับน้องๆ ล้วนได้รอยยิ้มและเสียอาการกันไปต่างๆนานา เพราะของรางวัลที่ได้ล้วนมาจากฝีมือน้องๆทั้ง3คนนั่นเอง

สำหรับเพลงพิเศษหลังช่วงอังกอร์ แฟนคลับถึงกับสตั้นกันเลย เมื่อเจอยูนิต มิมิกุโมะในอีกมุมมองนึง ในเพลง Kiss Wa Dame Yo แม้ในความหวานกุ๊กกิ๊กของยูนิตนี้ ก็ยังมีความแซ่บและสตรองแฝงอยู่เช่นกัน ทั้งชุดและท่าเต้นที่ดัดแปลงใหม่ น้องๆทำออกมาได้ดีมาก และมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งท้ายไว้เป็นฉีกกระดาษบางอย่างบนเวที ซึ่งน้องๆได้เฉลยในตอนท้ายว่า…..

“มันคือกระดาษข้อสอบค่ะ”

Seifuku No Bambi เป็น เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ได้เห็นมุมน่ารักๆของสาวมิมิกุโมะ น้องๆได้ร้องเพลงนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายเชิงแอบรักรุ่นพี่ แต่ไม่กล้าบอกได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ นอกจากนี้น้องๆได้แต่งตัวเป็นชุดกระโปรงยาวพร้อมติดหูกวางเล็กมาด้วย

และเพลงใหม่ที่ได้ฟังอีกเพลงคือ….
“Mimigumo” (Original Song) ออริจินอลที่ร้อยเรียงจากความหมายของมิมิกูโมะ จากเมมเบอร์ทั้ง3คนในยูนิตนี้ จนเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมา เรียกว่าเป็น “เพลงชาติ” ของยูนิตเลย ถ้าใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงตอนเพลงก่อนจะเปิดตัวมิมิกุโมะนั่นแหละคับ Intro ของเพลง Mimigumo

ในช่วงท้ายน้องได้ออกมาเต้นเพลง77ดินแดนแสนวิเศษ และลงมาทักทายและขอบคุณแฟนคลับทั้งชั้นบน และชั้นล่างอีกครั้ง ก่อนจะจากลากันด้วยเพลงคริตมัส และเพลงคนที่ฟ้าส่งมาให้รักกัน น้องๆได้ขอบคุณและพูดความในใจกัน ถึงความรู้สึกที่ผ่านมากว่าจะเป็นวันนี้ต้องซ้อม ต้องทำงานหนัก และทุ้มเทขนาดไหน และชุดตอนท้ายที่น้องใส่ออกมาคือ เสื้อยืด MIMIGUMO ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นและน้องเขียนกันด้วยตัวเอง พูดง่ายๆคือน้องเพ้นเสื้อใส่กันเองคับ ส่วนของกระโปรง น้องมิวสิคเป็นคนออกแบบเอง และสีที่เลือกมาใช้ก็เป็นจากคาแร็คเตอร์ เจ้าก่อนเมฆที่แทนตัวน้องๆแต่ละคนนั่นเอง

หลังจากจบการแสดง น้องได้ออกมารอส่งแฟนคลับด้านทางออก พร้อมทั้งแจกขนมให้กับแฟนๆลองชิมกัน เห็นแล้วก็นึกนึกถึงใน MV ที่คุณไข่พูดว่า “มาทำลูกอมแห่งความสุขให้ทุกคนกันเถอะ” แล้วทุกคนที่มางานนี้หล่ะ ได้รับรอยยิ้มและความสุขอย่างที่ จากสาวๆมิมิกูโมะบอกหรือเปล่า ยิ้มกันอยู่หล่ะสิ ทั้งเหล่า VIP และ แฟนคลับทุกคน

นี้เป็นบทความจากความรู้สึกของผมในฐานะผู้ชมคนนึงอาจจะมีตกหล่น หรือผิดพลาดประกาศใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ