“ความฝัน ความรู้สึก ความเข้าใจ เเละไอดอล” กับการเล่าเรื่องราวจากคุณนัท ผู้กำกับ Music Video เพลง The Feeling ของ FEVER

Fever ได้ยินเเค่ชื่อก็คงการันตี ความเท่ เอกลักษณ์เฉพาะตัว และคุณภาพของผลงานที่สูงในระดับไว้ใจได้ หรือจะเป็นอีกด้านเช่นความเป็นกันเอง ความตลก เสียงหัวเราะ ของตัวศิลปินเอง เเต่นี่ยังคงไม่ใช่เรื่องราวหลักที่เราจะมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ครับ วันนี้เราจะมานั่งคุยกับ คนเบื้องหลัง ที่เป็นผู้สรรสร้างผลงานคุณภาพนี้ออกมาว่ากว่าจะออกมาเป็น MV ซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง The Feeling ให้เราได้ดูกันเเบบนี้ ในขั้นตอนการทำงาน กระบวนการตกผลึกความคิด บรรยากาศการทำงาน ว่าเป็นอย่างไรเเบบถามมา เล่าไป กันครับ

สวัสดีครับ รบกวนช่วยเเนะนำตัวเองให้พวกเรารู้จักหน่อยครับ

สวัสดีครับ เราชื่อ นัท-ณนัทธ์ มหัทธนศิริ เป็น ผู้กำกับของ The Feeling จบการศึกษาจาก ม.กรุงเทพครับ

ก่อนหน้านี้เคยมีประสบการณ์ หรือ ผ่านตา กับ วัฒนธรรมไอดอล มาก่อนไหมครับ ?

มีบ้างครับ เเต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะได้เห็นได้ฟังจากที่เพื่อนเเชร์กันในเฟสบุ๊ค เนื่องจากเราก็ไม่ได้สายฟังเพลงเเนวนี้อยู่เเล้วด้วย

แล้วที่มาที่ไปจุดเริ่มต้นในการได้มากำกับ MV นี้

ก็เริ่มจากทางพี่รันได้ติดต่อมาว่าอยากคุยด้วยเรื่องการทำ MV เพลง ตอนเเรกเรามีการนัดเจอกันก่อน เพื่อมาทำความรู้จักกันไว้ว่าตัวเราเองเป็นเเนวไหน ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง หลังจากนั้นก็ได้มีการคุยเรื่องนี้กันจริงจังมากขึ้น เราก็ตื่นเต้นนะสำหรับเพลงนี้ จะได้ทำ MV เพลงไอดอลเป็นครั้งแรก 5555+ พอเสร็จหลังจากการคุยก็ได้ตัวเพลงมาลองฟังพร้อมโจทย์ว่าจะพรีเซนต์เพลงนี้ออกมาอย่างไรต่อไป

แล้วได้ฟังเพลงเก่าๆ ของ Fever ครบทุกเพลงหรือยังครับ?

จริงๆ ก็สารภาพตรงนี้เลยครับว่า มีโอกาสได้ฟังจากการเปิด MV บ้างแบบผ่านๆ เพลงที่ฟังบ่อยสุด ก็คงจะเป็น เพลง Password ครับ ที่น้องๆมานั่งล้อมวงกัน น่ารักดีฮะ

ตอนที่ได้เพลง The Feeling มาฟังครั้งแรกนี่ รู้สึกยังไงบ้างครับ มีไอเดียอะไรในใจบ้าง?

ตอนที่ได้เพลงมาฟังครั้งแรก เราก็มานั่งเเกะวิเคราะห์เนื้อเพลงคร่าวๆ ก็พอจับใจความได้ว่าเพลงนี้เกี่ยวกับการให้กำลังใจ เราก็เลยคิดไอเดียขึ้นมาหลายเเบบเลย ว่าการให้กำลังใจเนี่ย เราสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบไหนได้บ้าง

เเล้วออกมาประมานไหนครับ?

ตอนแรกเลยที่คิดออกมา ก็คิดว่าจะให้น้องๆ ไปตามหาลูกเเก้ว เเบบส่งต่อลูกเเก้วกันเปรียบเหมือนการส่งต่อกำลังใจ เเต่สุดท้ายเเล้วไอเดียนี้ก็ตกไป เพราะมีความรู้สึกว่าอาจจะซ้ำ มีคนทำไปแล้ว

ก็เลยได้ไอเดียใหม่มา โดยมีการใช้สตอรี่ไลน์ในการเล่าเรื่อง ด้วยความรู้สึกส่วนตัวนะ เรารู้สึกว่าเพลงนี้ฟังง่าย น่าจะเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายวัย เราเลยอยากดึงตัวละครหลายๆแบบ เช่น เด็กนักเรียน คนทำงาน หรือคุณพ่อ อะไรประมานนี้มาใส่ ก็เป็นไอเดียรูปเเบบที่เริ่มจริงจังขึ้นอันแรกเลย

แต่พอสุดท้ายที่ได้ออกมาเป็นตัวไฟนอลจริงๆ ก็มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เหลือตัวละครเเค่ 2 ตัว โดยมีตัวละครนักบัลเลต์เข้ามาเเทนด้วยเหตุผลทางด้านภาพ เเล้วก็เป็นตัวละครผู้ชายที่เป็นพนักงานบริษัทครับ

นับว่าเป็นครั้งเเรกเลยใช่ไหมครับ ที่มีนักเเสดงอื่นที่นอกจากเมมเบอร์เข้ามาเป็นส่วนประกอบในเอ็มวี

ใช่ครับจะเรียกว่าครั้งเเรกเลยก็ได้ พูดได้เลยว่ามีความกดดันนิดๆ ด้วยครับ 555 เเต่สุดท้ายก็ได้คำเเนะนำดีๆ มาเลยผ่านไปด้วยดี

แล้วงานนี้มีการใช้อุปกร์ณถ่ายทำตัวไหนเป็นพิเศษไหมครับ?

เอาจริงๆ เเล้วเเทบไม่มีอะไรพิเศษเลยครับ ถ้าให้นึกก็คงมีเเค่เลนส์แบบ Anamorphic ครับ ที่มาช่วยในเรื่องของมิติภาพ ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

anamorphic lens คือเลนส์แปลงสัดส่วน ที่ภาพหน้าเลนส์กับหลังเลนส์เป็นคนละสัดส่วนกัน เช่นเอาไปถ่ายวัตถุวงกลม ภาพที่บันทึกได้เป็นวงรี ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในรถถังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 จะได้เห็นภาพแนว Landscape กว้างๆ เป็นเลนส์แปลกใหม่ไม่เหมือนใครสำหรับผู้ที่ต้องการภาพมุมกว้างแบบไม่มี Distortion หรือความโค้งของภาพกับเลนส์ Anamorphic Lens เหมาะสำหรับงานถ่ายที่ต้องการแบบพาโนรามา ให้ภาพกว้างสะใจ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ เทคโนโลยีการผลิตภาพยนตร์

ใน MV ได้มีการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ไว้บ้างไหมครับ?

มีครับ จะเป็นซิมโบลิคเรื่องสี ก็จะมีการหยอดสีเเดงเอาไว้ตามฉากโต๊ะทำงานครับ

กำกับเอ็มวีไอดอลครั้งเเรกรู้สึกกดดันในเรื่องไหนเป็นพิเศษบ้างครับ?

คงเป็นของเรื่องเเอร์ไทม์ครับ เราก็ศึกษามาก่อนทำเอ็มวีนี้ว่าเรื่องเเอร์ไทม์กับตัวไอดอลสำคัญนะ ต้องพยามบาลานซ์ให้ดีเเต่พอมีเรื่องสตอรี่ไลน์เข้ามาช่วยก็ลดความกังวลไปได้พอสมควรครับ

ได้มีการวางความเกี่ยวข้องระหว่างตัวเมมเบอร์กับตัวละครประกอบไว้อย่างไรบ้างครับ?

จริงๆ เเล้วเราปูสตอรี่เอาไว้ว่า เมมเบอร์วงฟีเวอร์เนี่ย เป็นเหมือนผู้มาจากนอกโลก 555 เเต่ก็เเล้วเเต่คนจะตีความนะเราอยากให้ฟีลลิ่งของเขาเป็นเเนวผู้สังเกตุการณ์ ที่คอยดูปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวละครประกอบใน MV เเล้ววาร์ปมาให้กำลังใจ โดยที่นักเเสดงในเรื่องก็จะไม่รู้ตัว เหมือนใน MV ก็จะมีการให้ดอกไม้เเทนกำลังใจในตอนที่หลับอยู่ ประมานนั้นครับ

เรื่องโลเคชั่นถ่ายทำเป็นยังไงบ้างครับ ?

คือมันก็ตลกเหมือนกันฮะ ระหว่างที่ไปดูน้องๆ ซ้อมเต้นก็มีการได้คุยเรื่องนี้เหมือนกัน เขาก็บอกเรานะแบบ “พี่รอบนี้หนูขอที่ที่ไม่ร้อนได้ไหม” อะไรประมานนี้ฮะ ซึ่งรอบนี้ทางพี่รันเองก็เสนอมาว่าอยากได้เป็นดาดฟ้าด้วย พอความต้องการทุกอย่างรวมกัน ก็ลงตัวโลเคชั่นที่หาได้ก็เลยสบายขึ้นมาหน่อยมีเเอร์ หลับกันได้สบายเลยครับ ซึ่งตรงนี้น้องๆก็น่าจะชอบมากด้วย

แล้วระยะเวลาถ่าย MV เป็นยังไงบ้างครับ?

รอบนี้ถ้านับรวมๆ ก็ใช้เวลาทั้งหมดประมานวันครึ่งครับ เรานัดน้องกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า และถ่ายเสร็จตอนเที่ยงคืน ถ้าถามว่านานไหมสำหรับเรา มันก็นานนะ เเต่ก็คือไม่ได้นานจนเเบบ ไม่ไหวเเล้วอะไรแบบนี้ครับ

บรรยากาศในกองเป็นไงบ้างครับ?

ทุกคนเต็มที่กับงานมากครับ น้องๆ เอง เวลาว่างก็เล่นสนุกเฮฮากัน พอต้องจริงจังปุ้ปก็ออกมาน่าประทับใจครับ ครั้งนี้ดีหน่อยที่มีครูสอนเต้นมาช่วยดูเวลาถ่าย ก็ช่วยให้เราได้โฟกัสกับมอนิเตอร์มากขึ้น ไม่ต้องคอยมานั่งเสียเวลาเพลย์แบคดูอีกรอบว่าน้องคนนั้นเต้นผิดนะ อะไรแบบนี้ เพราะจริงๆ เราเองก็ไม่รู้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน พอมีครูสอนเต้นมาช่วยดูก็ช่วยตรงนี้ได้มากเลย

แล้วประทับใจใครใน Fever เป็นพิเศษไหมครับ?

จริงๆ ก็น่ารักทุกคนนะครับ 555 เเต่ว่าถ้าถามว่าชอบใคร เราชอบ ปาย ครับ รู้สึกว่าหน้าน้องเขามีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์ดีครับ

สุดท้ายนี้ให้อยากให้ฝากผลงานเเละเชิญชวนมาดู MV The Feeling หน่อยครับ

เราทุกคนก็ตั้งใจกับงาน MV นี้จริงๆ ครับ อยากให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก็ต้องขอฝาก The Feeling ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะครับ

ชม FEVER – The Feeling ได้ด้านล่าง

ขอขอบคุณสถานที่
ร้านเฟี้ยววินเทจ ( FEAW VINTAGE ) @ Bangsue Junction Shopping Mall
https://www.instagram.com/Feaw_vintage/

คลิปสัมภาษณ์

About Author

ฟังเพลงย้อนยุค ชอบเขียนบทความ ถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เป็นคนไข้ที่ดีของ FEVER

Comment